วันศุกร์, กรกฎาคม 22, 2554

เจ้าแม่ Sex and The City เอ่ย "มีคู่ไม่ใช่ความสำเร็จที่สุดในชีวิต"

"สิ่งหนึ่งที่ฉันได้เรียนรู้จากการเขียนคอลัมน์(Sex and The City)คือเรื่องราวของผู้หญิงและผู้ชายต่างๆ ในสังคมที่เราอยู่ สิ่งที่เราควรจะทำหรือควรจะเป็น...อาจไม่ได้เป็นจริง บางครั้งผู้หญิงจะเข้าใจว่า "การมีความสัมพันธ์กับผู้ชายเป็นสิ่งจำเป็น คุณจะต้องหาผู้ชายคนนั้นให้เจอ" แต่ก็มีหลายอย่างที่ความสัมพันธ์นั้นไม่สามารถให้คุณได้ และมันก็ไม่ได้ทำให้คุณมีความสุขเสมอไป มันอาจทำให้คุณรู้สึกเหมือนประสบความสำเร็จบางอย่างในชีวิต แต่ก็เป็นความรู้สึกเพียงสั้นๆเท่านั้นล่ะ ความสำเร็จในชีวิตของผู้หญิงเราบางส่วนมันก็มาจากเรื่องส่วนตัว และบางส่วนมาจากการทำงาน ซึ่งอันนี้ชั้นมองจากความที่เป็นคนๆหนึ่งนะ ไม่ได้มองจากที่ว่าเราเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายเท่านั้น และเมื่อไรที่คุณรู้สึกภาคภูมิใจกับความสำเร็จในชีวิตคุณแล้ว ความสัมพันธ์ของคุณก็จะเป็นไปโดยที่คุณไม่เรียกร้องหรือคอยมองหาความมั่นใจในตัวเองตลอดเวลา ฉันคิดว่าความสำเร็จหรือโอกาสดีๆในชีวิตนั้น ผู้หญิงเราควรไขว่คว้าไว้ไม่ใช่เพื่อคนอื่น แต่เพื่อตัวเราเอง"--- บทสัมภาษณ์แคนดาซ บุชเนล ผู้เขียนซีรีย์ Sex and The City อันโด่งดัง

ที่มา: นิตยสาร CLEO Thailand, May 2006 No. 112 หน้า 160

 

วันจันทร์, กรกฎาคม 18, 2554

♫ Thinking Of You - Sister Sledge

Someone was thinking of me last night ... ^__^

เมื่อคืนนี้ มีใครบางคนกำลังคิดถึงเราอยู่นะ อิอิอิ

วันศุกร์, กรกฎาคม 15, 2554

สำนวน : ประเภทของขโมย



Theft ธีฟ เป็นคนลักขโมย ที่เป็นคนละพวกกับ robber, burglar, mugger, shoplifter ฯลฯ ซึ่งคำพวกนี้จะนำมาอธิบายในภายหลัง

กลับมาตรงที่ thief คือคนลักขโมย เป็นคำทั่วๆไปที่ใช้เรียกคนที่ขโมยของคนอื่น แต่ไม่ใช้ความรุนแรง พหูพจน์ของ thief ก็คือ thieves กริยาที่หัวขโมยทำกันคือ steal ซทีล

A thief is a person who steals.

Manfred’s apartment was broken into last night, and the thieves got away with B 200,000. = อพาร์ทเมนต์ของแมนเฟรดถูกงัดเข้าไปเมื่อคืนนี้ พวกขโมยได้เงินไปสองแสนบาท

ส่วน theft เป็นการขโมย ไม่ใช่เป็นคน กรณีอพาร์ทเมนต์ของแมนเฟรด พูดได้ใหม่ว่า Manfred had a theft in his apartment last night. = แมนเฟรดโดนขโมยที่อพาร์ทเมนต์เมื่อคืนนี้

กรณีของ robberรอบเบอะ อันนี้หมายถึง โจรปล้นธนาคาร โจรปล้นร้านค้า ต่างจาก theft ตรงที่ robber มัก use violence คือใช้ความรุนแรง

ผู้เสียหายที่โดนปล้นเมื่อวานซืนซึ่งยังนอนรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลให้การว่า “The robbers shot me before making their get-away.” = ไอ้โจรที่ปล้นมันยิงผมก่อนที่จะหนี

แล้วไอ้พวกตีนแมว พวกที่ย่องเบา งัดเข้าไปในบ้านเพื่อขโมยของนี่ล่ะ ฝรั่งเรียกว่า burglarเบอกเลอะ พวกนี้นี่แหละที่ illegally enter buildings and steal things

Shopliftingฌ็อพลิฟทิง อันนี้เป็นการขโมยโดยลอบหยิบสินค้าในร้าน คนขโมยประเภทนี้เราเรียกว่า shoplifter เช่น Petula was caught shoplifting by a store detective. = พีตุลาถูกจับได้โดยนักสืบประจำห้าง

คุณผู้อ่านคงเคยเจอกริยา mug ออกเสียงว่า มัก หมายถึง ทำร้ายและปล้นเงิน หากคุณได้อ่านข่าวเจอแบบนี้ The teenage gang mugged the tourists. ก็ขอให้เข้าใจได้เลยว่า นักท่องเที่ยวโชคร้ายกลุ่มนี้ถูกกลุ่มวัยรุ่นทั้งปล้นเงินและทั้งถูกทำร้าย เพราะ mug สื่อความหมายทั้ง ทำร้าย+ปล้น เมื่อจะเอาคำนี้มาทำเป็นคำนามที่เป็นคน ก็ใช้คำว่า mugger

วลีและคำกล่าวที่ฝรั่งเอาศัพท์ที่เกี่ยวกับขโมยขโจรมาใช้ เช่น It takes a thief to catch a thief. หมายถึง คนไม่ซื่อสัตย์ย่อมสามารถคาดเดาคนไม่ซื่อสัตย์คนอื่นได้ หรือ Like a thief in the night = เหมือนขโมยในราตรี อันนี้หมายถึง secretly+unexpectedly+without being seen = อย่างลับ อย่างไม่คาดคิด โดยไม่มีใครเห็น

คุณผู้อ่านเคยเจอคนที่ยืมเงินของคนอื่นไปจ่ายให้อีกคนหนึ่งไหม อย่างนี้ฝรั่งมีกริยาวลีว่า rob Peter to pay Paul เช่น Troy robbed Peter to pay Paul! I mean he borrowed money from Augustine to pay back money he borrowed from Emma. = ทรอยปล้นปีเตอร์ไปจ่ายให้พอล! ผมหมายถึง แกยืมเงินจากออกัสตีนไปจ่ายคืนให้เอ็มม่า นั่นเอง

ขอบคุณที่มา : คอลัมน์เปิดฟ้าภาษาโลก ไทยรัฐออนไลน์ โดย คุณนิติ นวรัตน์
วันที่ : 9 กรกฎาคม 2554
http://www.thairath.co.th/column/edu/openlang/184851

วันจันทร์, กรกฎาคม 11, 2554

รายงานภาวะการค้าระหว่างประเทศไทยกับฟินแลนด์ ๒๕๕๔ (ม.ค-พ.ค)

ข่าวเศรษฐกิจ กรมส่งเสริมการส่งออก -- จันทร์ที่ 11 กรกฎาคม 2554 13:55:53 น.

๑.ข้อมูลทั่วไป
ฟินแลนด์เป็นประเทศเดียวในกลุ่มประเทศนอร์ดิกส์ที่ใช้เงินสกุลยูโร เป็นตลาดขนาดเล็กเมื่อเทียบกับประเทศอื่นในยุโรป มีประชากร ๕.๒๖ ล้านคน  เศรษฐกิจฟินแลนด์ได้รับผลกระทบจากวิกฤติเศรษฐกิจในปี ๒๕๕๑-๒๕๕๒ ค่อนข้างรุนแรง  โดย GDP ลดลงถึงร้อยละ ๘.๒ เนื่องจากการส่งออกของอุตสาหกรรมทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศซึ่งฟินแลนด์เป็น ผู้นำการผลิตลดลงอย่างมาก  แต่อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจฟินแลนด์ค่อยๆฟื้นตัวทีละน้อย เศรษฐกิจโดยรวมของฟินแลนด์คาดว่าจะขยายตัวในปี ๒๕๕๔ ร้อยละ ๒.๙ จากการขยายตัวของประเทศคู่ค้า เช่น เยอรมันนี สวีเดน และรัสเซีย เป็นผลทำให้การส่งออกของฟินแลนด์มีแนวโน้มดีขึ้นไปด้วย และรวมไปถึงการเพิ่มขึ้นของภาคการลงทุน อัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจในปี ๒๕๕๔ คาดว่าอยู่ที่ร้อยละ ๒ เป็นผลอันเนื่องมาจากความเชื่อมั่นของครัวเรือนและการจ้างงานที่เพิ่มขึ้น และการเพิ่มขึ้นของกำลังการผลิต แต่การออมมีแนวโน้มลดลง

ในปัจจุบัน ฟินแลนด์มีแนวโน้มการลงทุนที่ดีขึ้น  อัตราว่างงานคิดเป็นร้อยละ ๘.๔ ในปี ๒๕๕๔  ประชาชนมีรายได้เพิ่มขึ้น กฎระเบียบทางการค้า การนำเข้าเป็นไปตามกฎระเบียบของสมาชิกสหภาพยุโรป หรืออียู ผู้บริโภคนิยมสินค้าแฟชั่น สินค้าฟุ่มเฟือย และแบรนด์ดัง นิยมซื้อสินค้าผ่าน E-commerce และมีแนวโน้มกลุ่มผู้สูงอายุเพิ่มขึ้น การค้าและการลงทุนกับฟินแลนด์มีหอการค้าไทย-ฟินแลนด์ (Thai-Finnish Chamber of Commerce) เป็นผู้สนับสนุน อุตสาหกรรมที่โดดเด่นของฟินแลนด์คือ อุตสาหกรรมทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ โดยมี Nokia เป็นผู้นำในตลาดโลก และเกมส์ซอฟแวร์แอพลิเคชั่น Angry Birds ที่มีจุดกำเนิดจากฟินแลนด์ และได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในกลุ่มผู้บริโภคในขณะนี้  นอกจากนี้ ก็มีสินค้า Private Brand  ที่มีชื่อเสียงและได้รับความนิยม เช่น marimekko
๒.ภาพรวมการค้าระหว่างประเทศไทยกับฟินแลนด์
                                              ม.ค. - พ.ค.                  ม.ค. - พ.ค.                 %เพิ่ม/ลด
                                                  ๒๕๕๔                       ๒๕๕๓
การค้ารวม                                ๓๔๔.๕๕                     ๒๐๙.๙๕                    ๖๔.๑๑
การส่งออก                                ๑๖๙.๔๙                     ๑๒๑.๐๑                    ๔๐.๐๗
การนำเข้า                                ๑๗๕.๐๖                      ๘๘.๙๔                    ๙๖.๘๓
ดุลการค้า                                  -๕.๕๗                      ๓๒.๐๗                   -๑๑๗.๓๖
ที่มา: กระทรวงพาณิชย์ (๒๕๕๔)                                                        
หน่วย: ล้านเหรียญสหรัฐ

ในปี ๒๕๕๔ (ม.ค.-พ.ค.) การค้าระหว่างประเทศไทยกับฟินแลนด์มีมูลค่ารวม ๓๔๔.๕๕ ล้านเหรียญสหรัฐฯ เทียบกับช่วงเดียวกันของปี ๒๕๕๓ ที่มีมูลค่า ๒๐๙.๙๕ ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ ๖๔.๑๑ โดยแยกเป็น การส่งออกจากไทยไปยังฟินแลนด์มูลค่า ๑๖๙.๔๙ ล้านเหรียญสหรัฐฯ   และเป็นการนำเข้าจากฟินแลนด์มูลค่า ๑๗๕.๐๖ ล้านเหรียญสหรัฐฯ เทียบกับปี ๒๕๕๓ การส่งออกเพิ่มขึ้นร้อยละ ๔๐.๐๗ การนำเข้าเพิ่มขึ้นร้อยละ ๙๖.๘๓ ไทยเป็นฝ่ายเสียเปรียบดุลการค้ารวมทั้งสิ้นมูลค่า ๕.๕๗ ล้านเหรียญสหรัฐ  เทียบกับช่วงเดียวกันกับปี ๒๕๕๓ ที่ไทยได้เปรียบดุลการค้า ๓๒.๐๗ ล้านเหรียญสหรัฐฯ เนื่องจากการนำเข้าเครื่องบิน เครื่องร่อนและอุปกรณ์ ที่สูงมากขึ้น ในช่วงปี ๒๕๕๔ (ม.ค.-พ.ค.) นี้ ฟินแลนด์เป็นคู่ค้าสำคัญลำดับที่ ๕๒ ของไทย เป็นตลาดส่งออกสำคัญอันดับที่ ๕๐ และเป็นตลาดนำเข้าสำคัญอันกับที่ ๔๒ ของไทย
๓.การส่งออก
           ๓.๑)  ในช่วง ม.ค.-พ.ค.ปี ๒๕๕๔ สินค้าที่ไทยส่งออกไปยังฟินแลนด์ที่มีการขยายตัวเพิ่มขึ้นมาก ได้แก่ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ๔๕.๒ ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ ๕๕.๕๑ เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ ๒๐ ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ ๕๙.๒๑ ตู้เย็น ตู้แช่แข็งและส่วนประกอบ ๑๓.๗ ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ ๒๓๓.๙๙ ผลิตภัณฑ์ยาง ๑๐.๓ ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ ๑๔๙.๑๔ ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง  ๕  ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ ๒,๑๖๒ เครื่องใช้บนโต๊ะอาหาร ในครัวและบ้านเรือน ๔.๙ ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ ๗.๓๓ เหล็ก เหล็กกล้า และผลิตภัณฑ์ ๔.๔ ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ ๒๒๖.๘๗ เครื่องยนต์สันดาปภายในแบบลูกสูบและส่วนประกอบ ๔.๓ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ ๗๖.๕๓
          ๓.๒) สินค้าไทยที่มียอดการส่งออกลดลงที่สำคัญในช่วง ม.ค.-พ.ค.ปี ๒๕๕๔  ได้แก่ อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป ๙.๑ ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงร้อยละ ๑.๙๓ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ๕.๔ ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงร้อยละ ๒๒.๗๑
๔.การนำเข้า
          ๔.๑)  ในช่วง ม.ค.-พ.ค.ปี ๒๕๕๔ สินค้าที่ไทยนำเข้าจากฟินแลนด์ที่มีการขยายตัวเพิ่มขึ้นมากจากสินค้านำเข้า ๑๐ อันดับแรก ได้แก่ เครื่องบิน เครื่องร่อน อุปกรณ์การบิน และส่วนประกอบ ๔๔๐.๓ ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ ๖๕,๙๙๖.๑๐ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ ๕๓.๓ ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ ๒.๕๔ เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ ๓๔.๖ ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ ๑๖๐.๑๐ เยื่อกระดาษและเศษกระดาษ ๒๕.๕ ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ ๑๒๒.๙๒ ส่วนประกอบและอุปกรณ์ยานยนต์ ๒๔.๕ ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ ๔๖.๘๕ สินแร่โลหะอื่นๆ เศษโลหะและผลิตภัณฑ์ ๑๗.๕ ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ ๒๐๗.๔๓ และเคมีภัณฑ์ ๑๐.๘ ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ ๑๘.๔๕
          ๔.๒)  สินค้าที่มียอดการนำเข้าจากฟินแลนด์ลดลงที่สำคัญในช่วง ม.ค.-พ.ค.ปี ๒๕๕๔  มีเพียงรายการเดียวได้แก่ เหล็ก เหล็กกล้า และผลิตภัณฑ์ ๖.๘ ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงร้อยละ ๒๗.๐๑
๕.สรุปและข้อคิดเห็น
          ๕.๑)  แม้ว่าตลาดฟินแลนด์จะมีมูลค่าการค้ากับไทยยังไม่มาก  แต่ฟินแลนด์เป็นประเทศที่ประชากรมีรายได้เฉลี่ยสูงติดอันดับหนึ่งใน ๕ ของโลก  และเข้าสู่สังคมสูงวัยเร็วกว่าประเทศอื่นในยุโรป  จึงเป็นกลุ่มคนที่มีอำนาจซื้อสูง ฟินแลนด์จึงเป็นอีกตลาดหนึ่งที่น่าสนใจในแถบยุโรปเหนือ
          ๕.๒)  ประชากรฟินแลนด์มีความสามารถทางภาษาที่หลากหลาย เช่น ภาษาสวีเดน อังกฤษ รัสเซีย  รวมทั้งทำเลที่ตั้งของฟินแลนด์ที่เชื่อมต่อกับหลายกลุ่มประเทศ ที่สำคัญ ได้แก่ ตลาดกลุ่มประเทศนอร์ดิกส์ ตลาดกลุ่มประเทศบอลติก ตลาดรัสเซีย และตลาดสหภาพยุโรป โดยฟินแลนด์ใช้กฎระเบียบการนำเข้าที่เหมือนกันกับสหภาพยุโรป แต่ได้มีการปรับกฎหมายบางอย่าง เช่น การจ้างแรงงานต่างชาติให้ผ่อนคลายกว่าประเทศสหภาพยุโรปอื่น  ทำให้แรงงานไทยในสาขาบริการ เช่น พ่อครัว  พนักงานนวด  หรือธุรกิจท่องเที่ยว ภัตตาคาร  สปา  โรงแรม  มีโอกาสเข้าไปทำธุรกิจได้สะดวกกว่าประเทศยุโรปอื่น
          ๕.๓)   กลุ่มผู้มีรายได้สูงจากประเทศใกล้เคียง โดยเฉพาะ รัสเซียนิยมเดินทางมาพักผ่อน จับจ่ายใช้สอย  รวมทั้งการทำธุรกิจ  ดังนั้น  ผู้ส่งออกไทย จึงอาจใช้ฟินแลนด์เป็นประตูการค้า/การทำธุรกิจเชื่อมต่อไปยังประเทศใกล้ เคียงดังกล่าวข้างต้น  ซึ่งสินค้าสินค้าหรือบริการที่จะนำเสนอในตลาดนี้ ควรจะมีมีคุณภาพมาตรฐาน และนำแฟชั่น เพื่อให้สอดคล้องกับกลุ่มผู้บริโภคในตลาดนี้

สรุปข้อมูลสำคัญของฟินแลนด์ 2553-2554
ข้อมูลทั่วไป
1.พื้นที่                           338,145 ตร.กม.
2. ประชากร                      5.26 ล้านคน (ปี 2554)
3.Exchange
(ยูโร/1 USD) 0.69 ยูโร (พ.ค. 2554)
(บาท/1ยูโร)  43.92 บาท(พ.ค. 2554)
4. GDP, Current Prices
232.0 พันล้านเหรียญสหรัฐ (ปี 2553)
234.7 พันล้านเหรียญสหรัฐ (ปี 2554)
5. Real GDP Growth (%)
2.4% (ปี 2553)              2.0% (ปี 2554)
6. รายได้ต่อหัว (PPP) 35,300 เหรียญสหรัฐ/ปี (ปี 2553)
7. อัตราเงินเฟ้อ (%) 1.4% (ปี 2553)  1.8% (ปี 2554)
8. อัตราการว่างงาน (%)
8.4% (ปี 2553) 7.2% (ปี 2554)
9. การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ
2.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ (ปี 2552)    แหล่งที่มาเงินทุนจากต่างประเทศมากที่สุด (ปี 2552) ได้แก่ เนเธอร์แลนด์ 1,667 ล้าน$ ลักเซมเบริกส์ 1,378 ล้าน$ หมู่เกาะเวอร์จิ้น 464 ล้าน$ และนอร์เวย์ 393 ล้าน$ ภาคการค้าส่ง 1,301 ล้าน$ และภาคการบริการ 1,083 ล้าน$ เป็นภาคอุตสาหกรรมที่มีการลงทุนมากที่สุด 10. นักท่องเที่ยว 5.69 ล้านคน (ปี 2552)  กลุ่มนักท่องเที่ยวที่สำคัญ ได้แก่ รัสเซีย สวีเดน เอสโทเนีย และเยอรมันนี มีนักท่องเที่ยวชาวนอร์เวย์ในไทยประมาณ 147,000 คน (ปี 2553) หรือลดลง -5.80%

ที่มา: 1.-5, 7, 8. IMF และ EIU (2011) 2. จาก Statistics Norway 3. Exchange-Rates.org และธนาคารกรุงเทพ 6. จาก CIA (2011) 9. จาก World Bank (2011) และ OECD (2011) 10. จาก Finnish Tourist Board (2011) & กรมการท่องเที่ยว (2011)

Link: http://www.ryt9.com/s/expd/1189175

วันพฤหัสบดี, กรกฎาคม 07, 2554

สำนวน : Never say die / dying for / die a death

ฝรั่งมีวลีหนึ่งซึ่งใช้พูดเพื่อเพิ่มเติมกำลังใจให้คนที่ท้อแท้ ผิดหวัง วลีนั้นคือ Never say die. อันนี้ก็แล้วแต่จะแปล เช่น อย่าท้อแท้ อย่าหมดกำลังใจ อย่าล้มเลิก อย่าหยุดสู้ ฯลฯ

Never say die.” is said to encourage people to keep trying.

ยังมีอีก 2 วลีที่ฝรั่งชอบใช้พูดกัน นั่นก็คือ be dying for… และ be dying to do something สองวลีนี้สื่อไปในทางร้อนรนอยากจะมี หรืออยากจะทำอะไรอย่างมาก

สามีภรรยาฝรั่งคู่หนึ่งต้อนรับพ่อผู้เขียนตอนมาเยี่ยมเนเธอร์แลนด์เมื่อปลายปีที่แล้ว พอรู้ว่าพ่อผู้เขียนลงสมัคร ส.ส. ก็โทร.มาถามเป็นระยะ กระทั่งคนวันอาทิตย์ซึ่งเป็นวันประกาศผลเลือกตั้ง สามีภรรยาคู่นี้มาหาผู้เขียนถึงที่พัก “We’re dying to hear your father’s news.” = เรากำลังร้อนรนจนใกล้จะตายที่จะได้ยินข่าวของคุณพ่อของคุณ

ประโยคที่สองสามีภรรยาพูดนี่หมายถึง We’re extremely eager to hear your father’s news. เราร้อนรนที่สุดที่จะได้ยินข่าวคราวของคุณพ่อของคุณ

บางสิ่ง หรือมนุษย์บางคนสู้ต่อไปไม่ไหว ยอมโยนผ้าขาวแพ้ แพ้แล้วก็จบ ไม่มีโอกาสโผล่หน้าทะยามขึ้นมาสู้อีกแล้ว ฝรั่งอังกฤษมีวลีที่ใช้อธิบายสถานการณ์อย่างนี้ว่า die a death หรือ die the death ส่วนฝรั่งอเมริกันมีวลี die a natural death

โครินขียนหนังสือออกมาขายเล่มหนึ่ง แต่ปล่อยลงตลาดได้เพียง 1 สัปดาห์ก็รู้ว่าขายไม่ได้ = Korin’s book died the death after a week.

ขอบคุณที่มา : คอลัมน์เปิดฟ้าภาษาโลก ไทยรัฐออนไลน์ โดย คุณนิติ นวรัตน์
วันที่ : 7 กรกฎาคม 2554
http://www.thairath.co.th/column/edu/openlang/184252

วันพุธ, กรกฎาคม 06, 2554

ร่วมกันต้านคอร์รัปชั่น : Anti-Corruption Campaign


"Among people generally corrupt liberty cannot long exist." - Edmund Burke


การต่อต้านคอร์รัปชั่นเป็นหน้าที่ของประชาชนทุกคน !!!



จัดอันดับ คอร์รัปชั่นโลกจาก 178 ประเทศ ไทยไม่น้อยหน้าได้ที่ 78

องค์กร เพื่อความโปร่งใส นานาชาติ (Transparency International :TI) ซึ่งเป็นองค์กรอิสระนานาชาติ ที่ก่อตั้งขึ้นเพื่อรณรงค์แก้ไขปัญหาคอร์รัปชั่น มีเครือข่ายใน 120 ประเทศทั่วโลก ได้เปิดเผยว่า ได้มีการจัดทำดัชนีชี้วัดภาพลักษณ์การคอร์รัปชั่น ของประเทศต่างๆ ทั่วโลก ในปีนี้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

โดย ผลการจัดอันดับ 178 ประเทศที่ ซึ่งมีค่าคะแนนตั้งแต่ 0 (คอร์รัปชั่นมากที่สุด) – 10 (คอร์รัปชั่นน้อยที่สุด) ปรากฏว่า ประเทศไทยได้ 3.5 คะแนน เพิ่มขึ้นจากปีก่อน (3.4 คะแนน) รั้งอันดับที่ 78 เท่ากับประเทศจีน, โคลัมเบีย, กรีซ, เลโซโท, เปรู และเซอร์เบีย ขณะที่เดนมาร์ก, นิวซีแลนด์, สิงคโปร์ ได้ 9.3 คะแนน ครองแชมป์คอร์รัปชันน้อยที่สุด? รองลงมา 9.2 คะแนน มี ฟินแลนด์ และสวีเดน

ขณะ ประเทศที่มีคะแนนต่ำกว่า เมื่อปีก่อน หรือ มีคอร์รัปชั่นมากขึ้น อาทิ สาธารณรัฐเช็ก, กรีซ, ฮังการี, อิตาลี, มาดากัสการ์, ไนเจอร์, และสหรัฐอเมริกา ซึ่งล้วนเป็นประเทศ ที่กำลังเผชิญปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจการเงิน ซึ่งอาจบ่งชี้ว่าปัญหาดังกล่าว เกิดจากการคอร์รัปชั่นก็ได้

ส่วนประเทศที่มีคะแนนต่ำสุด ในการจัดอันดับครั้งนี้ คือ โซมาเลีย 1.1คะแนน พม่า 1.4 คะแนน อัฟกานิสถาน 1.4 คะแนน และอิรัก 1.5 คะแนน

โดยทีมข่าว Mthai

วันอังคาร, กรกฎาคม 05, 2554

The Missing Piece Meets The Big O

"The story is trying to tell us that we need to be "whole" before we can be happy. Relying for someone or something to come along to make you "whole" is not the answer. You need to be proactive. It's about establishing a strong base (rolling by yourself) and then you can go out into the world and seek what you want to make you happy/"whole". Complex desires and plans can be achieved once you are fundamentally stable and complete as a person." --- quoted from snoref's comment on YouTube

หนังสือชื่อ The Missing Piece Meets The Big O มีเนื้อหาที่เราพอเข้าใจได้ว่า การรอคอยให้ใครเข้ามาในชีวิตเพื่อ"เติมเต็ม"เรานั้นไม่ใช่คำตอบของความรัก เราเองต่างหากที่ควรเติมเต็มตัวเองเพื่อสร้างฐานอารมณ์ที่สมบูรณ์ เพื่อเตรียมความพร้อมทั้งกายและใจที่จะสามารถเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงต่างๆได้ และเมื่อตัวเราเอง "เติมเต็มและสมบูรณ์" (Whole) แล้ว ไม่ว่าใครหรือสิ่งใดจะหายไปจากชีวิตเรา เราจะไม่รู้สึกเหมือน "ขาด" (Missing) อะไรไป ^^

วันอาทิตย์, กรกฎาคม 03, 2554

สำนวน : reside, residence, และ residency

Reside ออกเสียงว่า ริไซด์ คำนี้ก็คือ live อาศัยอยู่ประจำที่ไหนนั่นเอง เพียงแต่ live เป็นศัพท์ธรรมดา เมื่อพูดกริยาว่า reside ก็ดูเป็นทางการหน่อย I was born in Bangkok, but presently reside in Utrecht. = ผมเกิดที่กรุงเทพฯแต่ปัจจุบันพำนักอยู่ที่อูเทร็คต์

เมื่อถามถึงครอบครัว ผู้เขียนบอกกับฝรั่งว่า My family now resides in Chanthaburi, Thailand. = ครอบครัวผมพำนักอยู่ที่จันทบุรี ประเทศไทย

ส่วนคำว่า residenceเรซอิเด็นซ เป็นคำนาม หมายถึง ที่พักอาศัย ที่พำนัก ถิ่นที่อาศัยอยู่ After having worked overseas for 40 years, my uncle finally took up his residence in Trat. = หลังจากทำงานในต่างประเทศเป็นเวลานานถึง 40 ปี ในที่สุด ลุงของผมก็ตั้งถิ่นฐานอยู่ที่ตราด

Reside = live,      Residence = home

บ้านเลขที่ 12 ถนนเลียบเนิน ตำบลวัดใหม่ อำเภอเมือง จังหวัดจันทบุรี เป็นบ้านหลังใหญ่ตั้งอยู่บนเนิน ฝรั่งเคยถามผู้เขียนว่า สถานที่นี้คืออะไร ผู้เขียนตอบว่า ‘the Governor’s official residence’ = จวนผู้ว่า หรือ ที่พำนักอย่างเป็นทางการของผู้ว่าราชการ นั่นเอง

วลี in residence หมายถึง การไปพักในสถานที่ใดสถานที่หนึ่งอย่างเป็นทางการ เช่น Queen Beatrix of The Natherlands is in residence at the palace this month. = สมเด็จพระราชินีนาถเบียทริกซ์แห่งเนเธอร์แลนด์ประทับในพระราชวังในเดือนนี้

คุณผู้อ่านคงจะเคยได้ยินการแนะนำบุคคลว่าเป็น author in residence หรือ poet in residence บางทีเราก็เจอ artist in residence อันนี้หมายถึง นักเขียน หรือ กวี หรือ ศิลปิน ที่ได้รับเชิญ หรือ ได้รับว่าจ้างให้ไปสอนในสถานที่ใดสถานที่หนึ่งเป็นระยะเวลาสั้นๆ

“This is John, an author in residence. He’ll be with us for 3 days.” = นี่คือจอห์น นักเขียนที่เราเชิญมาสอน ท่านจะอยู่กับเราที่นี่เป็นระยะเวลา 3 วันนะครับ

หมู่นี้ไม่เห็นสองพี่น้องมาริโอกับลีโอนิคเลย เมื่อสอบถามจึงได้ความว่า ทั้งคู่ตามคุณพ่อคุณแม่ไปอยู่ที่ออสเตรเลียแล้ว การย้ายไปอยู่ที่อื่น ฝรั่งมีวลีใช้ว่า Take up residence บางคนพูดไพเราะเพราะกว่านั้นโดยใช้คำว่า Take up residency อย่างมาริโอกับลีโอนิคนี่ เพื่อนบอกว่า They took up residence in Australia. = พวกเขาย้ายไปอยู่ที่ออสเตรเลีย ผู้เขียนถามต่อว่า แล้วพวกเขาจะกลับมาเนเธอร์แลนด์อีกเมื่อไร เพื่อนตอบว่า “They won’t be back.” = ไม่กลับมาแล้ว “They took up permanent residency abroad.” = พวกเขาไปอยู่ต่างประเทศอย่างถาวรเลย

Residencyเรซอิเด็นซิ ยังหมายถึง สถานภาพการอยู่อาศัยในประเทศหนึ่งๆของบุคคล ขณะเดินเล่นในกรุงเฮก ผู้เขียนโดน ต.ม.ดัตช์ ตรวจสอบว่าเป็นพวกอพยพหรือเปล่า = The Dutch Immigration Office examined my residency.

ขอบคุณที่มา : คอลัมน์เปิดฟ้าภาษาโลก ไทยรัฐออนไลน์ โดย คุณนิติ นวรัตน์
วันที่ : 24 มิถุนายน 2554
http://www.thairath.co.th/column/edu/openlang/181167

วันเสาร์, กรกฎาคม 02, 2554

สำนวน : mean

Mean คำนี้ออกเสียงว่า มีน เหมือนที่คนไทยเรียกว่า มีนบุรี แต่อย่าออกเสียงว่า มีล เพราะจะหมายถึง meal ที่แปลว่า มื้ออาหาร

Mean เป็นกริยา หมายถึง หมายความว่า เช่น Do you understand what I mean? = คุณเข้าใจสิ่งที่ผมหมายถึงรึเปล่าครับ? หรืออย่างเช่น If you want to visit Moscow, it will means spending. = ถ้าคุณอยากจะไปเยือนกรุงมอสโก มันก็หมายความถึงเรื่องค่าใช้จ่ายด้วยนะ

นอกจากนั้น mean ยังหมายถึง มีความนัยสำคัญ ผู้ใหญ่มิ่ง อยู่พร้อม ปู่ของผู้เขียนชอบเขียนบันทึก ผู้เขียนได้นำบันทึกเล่มหนึ่งของท่านติดตัวมาที่เนเธอร์แลนด์ด้วย ตอนที่เพื่อนๆของผู้เขียนมาเยี่ยม ผู้เขียนจึงนำบันทึกของปู่เล่มนี้มาอวด พร้อมทั้งพูดว่า My grandfather’s diary means a lot to me. = บันทึกประจำวันของปู่มีความสำคัญต่อผมมาก

บางครั้งคำพูดของผู้เขียนก็ไปกระทบกระเทือนจิตใจของเพื่อนชาวต่างชาติ จนผู้เขียนต้องพูดแก้ไขว่า I didn’t mean to blame you. = ผมไม่ได้ตั้งใจที่จะตำหนิคุณดอกนะ ความหมายที่สามของ mean ในกรณีที่เป็นกริยาก็คือ ตั้งใจ มุ่งมั่น

แต่ถ้าเมื่อใดที่ใช้ mean เป็น adjective คำนี้จะสื่อไปในทำนอง ใจดำ ไม่นึกถึงหัวจิตหัวใจคนอื่น ใจร้าย

ผู้เขียนสังเกตพบว่า ใครๆก็ไม่ชอบรุ่นพี่คนที่มีเชื้อสายอินเดียผู้มีชื่อว่า นาเจนตรา จนวันหนึ่งก็ถึงบางอ้อ เมื่อนาร์ซีซัสหนุ่มอเมริกันเล่าถึงนาเจนตราให้ฟังว่า Nagendra is mean and selfish. = นาเจนตราใจดำและเห็นแก่ตัว

สมัยที่เราเรียนสถิติในมหาวิทยาลัย เราก็เจอคำนาม mean ที่หมายถึง ค่าเฉลี่ย ค่ากลาง มีความหมายเท่ากับคำว่า average ลองดูตัวอย่างเช่น The mean of the test scores is 92. = ค่าเฉลี่ยของคะแนนสอบอยู่ที่ 92

เมื่อเติม –s ที่ means ก็จะออกเสียงว่า มีนซ เป็นคำนามหมายถึง วิธีการ means เป็นได้ทั้งเอกพจน์และพหูพจน์ The class captain was made by means of a majority of votes. = การเลือกหัวหน้าชั้นตัดสินด้วยวิธีใช้คะแนนเสียงส่วนใหญ่

Meaningมีนอิง เป็นคำนาม หมายถึง ความหมาย It is very difficult to explain the meaning of ‘love’. = ยากเหมือนกันนะที่จะไปอธิบายความหมายของคำว่ารัก

คำลูกหลานของ mean ที่นักเรียนไทยบางส่วนใช้ไม่ค่อยถูกกัน มักจะเป็น adjective 2 คำ คือ meaningful ‘มีนอิงฟุล และ meaninglessมีนอิงเล็ซ

Meaningful ก็คือ ที่มีความหมาย ที่มีคุณค่า ที่มีความสำคัญ เช่น Studying in the Netherlands is meaningful to me. = การเรียนในประเทศเนเธอร์แลนด์ มีความหมายสำหรับผม

คำที่ลงท้ายด้วย –less ทักจะสื่อไปในทาง ไม่มี ปราศจาก ผู้เขียนพยายามปลอบใจเจมีนาว่า อย่าเลิกกับเรย์เนอร์เลย เพราะเท่าที่รู้เรย์เนอร์รักเธอมาก

เจมีนาบอกว่า ใช่เธอรู้ว่าเรย์เนอร์รักเธอ ทว่า... “Rayner gave me a meaningless love. = เรย์เนอร์น่ะมอบความรักที่ไร้ความหมายให้ฉัน” พูดได้แค่นี้ เจมีนาก็ปิดหน้าร้องไห้ ฮือ ฮือ ฮือ


ขอบคุณที่มา : คอลัมน์เปิดฟ้าภาษาโลก ไทยรัฐออนไลน์ โดย คุณนิติ นวรัตน์
วันที่ : 2 กรกฎาคม 2554
http://www.thairath.co.th/column/edu/openlang/183150