วันศุกร์, กันยายน 09, 2554

Quote from Steve Jobs's commencement address in 2005

Today I came accross a YouTube video of Steve Jobs giving commencement speech to Stanford University graduates 2005. "Such an inspiring speech", I thought. There are many parts that really open my mind and here are the words of wisdom I'd like to share.

Your time is limited, so don't waste it living someone else's life. Don't be trapped by dogma - which is living with the results of other people's thinking. Don't let the noise of other's opinions drown out your own inner voice. And most important, have the courage to follow your heart and intuition they somehow already know what you truly want to become....everything else is secondary.

เวลาของคุณมีจำกัด ดังนั้นอย่าเสียเวลาใช้ชีวิตใต้เงาของคนอื่น อย่าถูกตีกรอบด้วยกฎเกณฑ์ซึ่งก็คือผลของการใช้ชีวิตตามความคิดของคนอื่นนั่นเอง อย่าให้เสียงความคิดเห็นของคนอื่นกลบเสียงที่อยู่ภายในของคุณจนหมดสิ้น และที่สำคัญที่สุด จงกล้าหาญอยู่เสมอที่จะทำตามหัวใจและสัญชาตญาณของตัวเอง เพราะบางทีสองสิ่งนี้อาจรู้อยู่แล้วว่าที่จริงแล้วคุณต้องการจะเป็นอะไร นอกจากนี้แล้วทุกอย่างเป็นเรื่องสำคัญรองลงไปหมด


วันพฤหัสบดี, กันยายน 08, 2554

ยื่นขอ Residence permit และจักรยานมือสองของไทเลอร์

สองวันที่แล้วพวกเรานำเอกสารไปยื่นขอ Residence Permit ให้ทั้งแม่และลูก เอกสารที่เตรียมไปได้แก่
1. OLE_PH2 form
2. MP_1 form
3. PK2_plus form (สามีเป็นคนกรอก)
4. Marriage certificate & registration/ทะเบียนสมรส
5. Passport
6. Copies of the marked pages of spouse's passport/สำเนาพาสปอร์ตของสามีทุกหน้าที่มีตราประทับ
7. Photo
8. Fee 120 euro/ค่าบริการ 120 ยูโร

ส่วนเอกสารของลูกชายต้องเตรียม
1. OLE_PH4 form
2. MP_1 form
3. Birth certificate/สูติบัตร
4. Clarification on guardians of the child/ใบปค.14
5. Passport
6. Photo
7. Fee 80 euro/ค่าบริการ 80 ยูโร

สถานที่ยื่นคือที่สถานีตำรวจ โชคดีที่ไม่มีคิวก่อนหน้าพวกเรา เจ้าหน้าที่ใช้เวลาตรวจเช็คประมาณยี่สิบนาทีจึงถามว่าช่วงนี้พวกเราจำเป็นต้องนำพาสปอร์ตตัวจริงไปใช้หรือไม่ พวกเราตอบว่าไม่ เจ้าหน้าที่จึงเก็บพาสปอร์ตไปพร้อมเอกสาร จากนั้นก็ยื่นกระดาษแผ่นหนึ่งให้มาโดยมีเบอร์โทรศัพท์สำหรับโทร.เช็คผล พร้อมแจ้งว่าเนื่องจากมีผู้มาขอ Residence Permit มากคิวจึงยาว พวกเราอาจต้องรอผลเป็นเวลาสามเดือน (โอ้ว แม่เจ้า!) แต่ก็แนะว่าให้ลองโทร.มาฟังผลในอีกสองเดือนข้างหน้า สรุปว่าทำอะไรยังไม่ได้นอกจากรอ

ขากลับแวะร้านขายอุปกรณ์กีฬามือสอง เห็นจักรยานเด็กสภาพดีหนึ่งคันที่ไทเลอร์ชอบมาก ติดราคาเอาไว้ 50 ยูโรแต่พวกเราก็ซื้อมาได้ในราคา 40 ยูโรเพราะอีกไม่นานไทเลอร์ตัวสูงขึ้นก็ต้องเปลี่ยนเป็นคันที่ใหญ่กว่า เมื่อนั้นเราจะกลับมาแลกซื้อจักรยานคันที่ใหญ่กว่านี้จากร้านเดิม เจ้าของร้านใจดีสูบยางรถและแก้ไขเบรคเพื่อให้ปั่นได้เลย พอฝนหยุดตกเด็กชายไทเลอร์ตัวดีก็เรียกร้องให้แม่พาไปขี่จักรยานใหม่(มือสอง) แม่ก็พาไปปั่นบนถนนใกล้บ้านอย่างสนุกสนาน

เมื่อวานอากาศดีมาก แดดรำไร สองแม่ลูกก็พากันปั่นจักรยานไปซื้อของที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตใกล้บ้าน ปั่นแค่ 10 นาทีก็ถึงแล้ว ซื้อโยเกิร์ต นม น้ำผลไม้ กล้วย คุ้กกี้ ไส้กรอก และ ถุงน่องได้โดยจ่ายไม่เกิน 10 ยูโร จากนั้นก็กลับมานั่งดูการ์ตูนและทานมื้อเที่ยงกัน วันทั้งวันอากาศดีซะจนเจ้าตัวดีอดไม่ได้ที่จะวิ่งเล่นและปั่นจักรยานในสวน ^^


วันศุกร์, กันยายน 02, 2554

กลับมาอีกครั้งอย่างเต็มภาคภูมิ : A long return to Finland



ลาจากฟินแลนด์ไปนานหนึ่งปีเต็ม คราวนี้กลับมาในฐานะภรรยาแถมพาหนุ่มน้อยไทเลอร์มาด้วยกัน การเดินทางค่อนข้างจะราบรื่นเพราะมีผู้ใหญ่สองคนช่วยกันดูแลเด็กซนหนึ่งคน เดินทางกันแบบพ่อแม่ลูกจึงค่อนข้างอุ่นใจ พอมาถึงสนามบินคนที่มารับกลับเป็นรถแท็กซี่ที่คุณแม่สามีจ้างมา เป็นรถคลาสสิค จำไม่ได้ว่ารุ่นไหน แต่เป็นรุ่นที่ราชวงศ์อังกฤษใช้เป็นพาหนะในงานต่างๆโดยเฉพาะงานแต่งงาน แถมด้านหลังติดป้าย "Just married" ซะด้วย โก้เชียว




มาถึงได้สี่วันแล้วแต่ยังไม่มีเวลาออกไปไหนมาไหนด้วยกันเลยเพราะสามีติดเรียนทั้งวัน แม่ลูกจึงติดแหงกอยู่ในบ้าน อาศัยตัวต่อเลโก้ ทีวี ดีวีดีการ์ตูน สมุดระบายสี และอินเตอร์เน็ตช่วยคลายเหงา ส่วนตัวแล้วชอบทำงานจากบ้าน แต่เพราะภาษายังไม่คล่อง อีกทั้งต้องดูแลลูกชายที่ยังต้องปรับตัวอีกเยอะ จึงยังไม่ได้ลงมือทำงานที่เตรียมมา เริ่มรู้สึกแล้วว่าการเป็นแม่บ้านในต่างแดนไม่ง่ายอย่างที่คิด 



เรื่องอาหารนั้น โชคดีที่หอบหิ้วหม้อหุงข้าวมาจากเมืองไทย ห้องครัวจึงยังไม่ขาดแคลนกลิ่นข้าวหุงใหม่ๆเหมือนบ้านเรา ส่วนกับข้าวนั้น เนื่องจากยังไม่มีเมนูที่อยากทำ(และเดิมไม่ชอบทำอาหาร)จึงแค่เตรียมกับข้าวแบบง่ายๆทานกันเองสองคน อย่างเช่น ไส้กรอกอบไมโครเวฟ ไก่อบซอส(ซื้อแบบที่เค้าหมักให้พร้อมอบที่ซุปเปอร์มาร์เก็ต) แต่หากลูกเรียกร้องอยากกินอาหารไทย ถึงที่สุดแล้วคงผัดมาม่าให้กิน แหะแหะแหะ