วันอังคาร, ธันวาคม 28, 2553

เรื่องเล่าคริสต์มาส ต้นตำรับบ้านเกิดซานตาคลอส


เมื่อสามวันก่อนได้รับการ์ดอวยพรเนื่องในเทศกาลคริสต์มาสจากคุณป้าอันเนลี เป็นรูปเด็กๆจากหลายๆชาติวิ่งเล่นบนพื้นที่ปกคลุมไปด้วยหิมะขาวโพลน คุณป้าส่งมาจากเมืองอีซาลมิ เราดีใจมากที่คุณป้ายังไม่ลืมเรา แล้วในเช้าวันคริสต์มาสก็ได้รับข้อความจากมิกเกะว่าเจ้าโซน่าสุนัขที่คุณแม่ของเค้าเลี้ยงไว้นะคลอดลูกออกมา 5 ตัวดูแข็งแรงทุกตัวเลย เป็นเรื่องน่ายินดีจริงๆ และก็ทำให้เราอยากรู้ว่าคนบ้านเดียวกับซานตาคลอสน่ะ เค้าฉลองเทศกาลคริสต์มาสกันยังไง ลองมาอ่านจากข่าวสดรายวันกันเถอะ


เล่าคริสต์มาส บ้านลุงซานต้า

สดจากเยาวชน แหล่งที่มา: วันที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2553 ปีที่ 20 ฉบับที่ 7333 ข่าวสดรายวัน

ผ่านคริสต์มาสมาเพียง 2 วัน ยังอบอวลไปด้วยบรรยากาศความสุขที่แสนอบอุ่นและเทศกาลแห่งการเฉลิมฉลอง

โยวลุปุ๊กกิ (Joulupukki)
หยิบ "เรื่องเล่าคริสต์มาส ต้นตำรับบ้านเกิดซานตาคลอส" จากหนังสือ "เล่มโปรด" ฉบับล่าสุด ที่นำเรื่องราวในนิทรรศการ "ส.ค.ส. ฟินนิช" ซึ่งพิพิธภัณฑ์มิวเซียมสยามจัดขึ้นเมื่อเดือนพ.ย.ที่ผ่านมา เล่าธรรมเนียมและที่มาของสิ่งต่างๆ ในเทศกาลคริสต์มาสของชาวฟินนิช หรือชาวฟินแลนด์ มาฝากกัน

จัดงานฉลองมานานกว่า4พันปี

เชื่อกันว่าเมืองแลปแลนด์ ประเทศฟินแลนด์ เป็นบ้านเกิดของซานตาคลอส ชาวฟินแลนด์เรียกซานตาคลอสว่า "โยวลุปุ๊กกิ"






ฤดูหนาวในฟินแลนด์อากาศหนาวจับจิตจับใจ อุณหภูมิลดต่ำกว่าศูนย์องศาเซลเซียส

ชาว ฟินน์ฉลองเทศกาลแห่งฤดูหนาวมาตั้งแต่ 2,000 ปีก่อนคริสต์ศักราช ภายหลังเมื่อศาสนาคริสต์เข้ามาเผยแพร่ในดินแดนนี้ก็มีการผสมผสานกับความ เชื่อท้องถิ่น จากเทศกาลฤดูหนาวกลายมาเป็นเทศกาลคริสต์มาส

บัตรอวยพรยอดฮิต

บัตร อวยพรของชาวฟินนิชมักเป็นภาพทิวทัศน์ของฟินแลนด์ที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ ภาพผู้คนกำลังไปเยี่ยมเยียนมิตรสหาย ไปโบสถ์ เพื่อร่วมกิจกรรมวันคริสต์มาส ภาพเด็กๆ สนุก สนานกับการเล่นเลื่อนหิมะ หรือไม่ก็เล่นสเกตในทะเลสาบที่จับเป็นลานน้ำแข็งขนาดใหญ่

อีกภาพที่คุ้นตาในบัตรอวยพรคือ เหล่าเอลฟ์กำลังเล่นสนุกสนานกับผองเพื่อนสัตว์ป่าทั้งหลาย


เสียงระฆังต้อนรับเทศกาล

ก่อนจะเริ่มกิจกรรมในเช้าวันคริสต์มาส นักบวชจะตีระฆังในวิหารเสียงดังกังวานเพื่อต้อนรับชาวฟินแลนด์ที่มาประกอบพิธีกรรมที่โบสถ์

คำ ว่า ระฆัง กระพรวน หรือกระดิ่ง (ในภาษาอังกฤษใช้คำว่า Bells เหมือนกัน) มักปรากฏในเนื้อเพลงคริสต์มาส ที่คุ้นหูกันก็น่าจะเป็นเพลงจิงเกิลเบลล์ ซึ่งมีที่มาจากกระพรวนที่ติดบนบังเหียนม้าลากเลื่อน

นอกจากระฆังและ เครื่องประดับอื่นๆ ที่ใช้ตกแต่งต้นคริสต์มาสแล้ว ยังนิยมใช้ดอกพอยน์เซตเทีย หรือดอกคริสต์มาส ดอกว่านสี่ทิศ ดอกไฮยาซินท์ และดอกทิวลิป มาประดับตกแต่ง



เทวทูต สัญลักษณ์แห่งความชื่นชมยินดี

เทวทูต เป็นผู้นำข่าวดีมาแจ้งพระแม่มารีว่าพระองค์เป็นผู้ได้รับเลือกให้เป็นผู้ให้ กำเนิดพระเยซู และปรากฏตัวต่อหน้ากลุ่มคนเลี้ยงแกะสองครั้ง ครั้งแรกเพื่อประกาศว่าพระเยซูทรงประสูติแล้ว และแจ้งสถานที่ประสูติครั้งที่สองเพื่อขับร้องท่วงทำนองไพเราะเกี่ยว กับการประสูติของพระเยซู

เชื่อกันว่าเทวทูตนั้นมีปีก พำนักอากาศอยู่บนสรวงสวรรค์ แต่ก็มักลงมาอยู่ท่ามกลางผู้คนบนโลก



ต้นสนและดวงดาว

ใน สมัยโบราณ ชาวฟินน์ใช้ฟางเป็นของตกแต่งชิ้นสำคัญในการเฉลิมฉลองเทศกาลฤดูหนาว เพราะเป็นสัญลักษณ์แห่งความหวังในฤดูเพาะปลูกที่จะมาถึง ภายหลังเปลี่ยนมาใช้ต้นสนเนื่องจากใบสนมีสีเขียวสดตลอดปี สื่อถึงฤดูใบไม้ผลิสีเขียวชอุ่มที่กำลังจะมาถึงกับฤดูเก็บเกี่ยวที่ตามมา และต้นสนยังหาได้ทั่วไปในป่าของฟินแลนด์

หลังจากพระแม่มารีให้กำเนิด พระเยซูในรางหญ้า นักปราชญ์ทางตะวันออกทั้งสามมองเห็นดวงดาวดวงหนึ่งที่ไม่ธรรมดา เป็นสัญญาณบอกว่าจะมีผู้ยิ่งใหญ่กำเนิดขึ้น จึงเดินทางจากแดนไกลเพื่อติดตามดวงดาวนั้น บนยอดต้นสนจึงประดับด้วยดาว สื่อถึงดวงดาวที่นำทางนักปราชญ์ทั้งสามไปพบพระเยซู

ซานตาคลอสรู้ได้อย่างไรว่าต้องส่งของขวัญให้ใคร

ปัญหา นี้ขจัดไปได้โดยพวกเอลฟ์ ผู้ช่วยมือหนึ่งที่ทำหน้าที่รวบรวมรายการของขวัญที่เด็กๆ ทั่วโลกส่งมายังที่ทำการไปรษณีย์โรวานีมี ใกล้กับเมืองคอร์ฟาตุนตูรีที่หมู่บ้านซานตาคลอสตั้งอยู่

เอลฟ์เป็น ตัวละครในเทพนิยายโบราณของฟินแลนด์ มักใส่เสื้อผ้าสีแดงและเทากับหมวกสีแดง บางตำนานเชื่อว่าพวกเอลฟ์อาศัยอยู่ในหมู่บ้านคอร์ฟาตุนตูรี ซึ่งเป็นเทือกเขาสูงใหญ่ในเมืองแลปแลนด์ มีนิสัยร่าเริงและขยันขันแข็ง ไม่ค่อยปรากฏตัวให้เห็น เฉพาะเด็กๆ เท่านั้นที่มองเห็นเอลฟ์

สิ่ง ที่ทำให้เอลฟ์เบิกบานใจคือ การที่ผู้คนคิดถึงคุณงามความดีของเอลฟ์ที่ช่วยตระเตรียมเทศกาลคริสต์มาส ทั้งทำขนม ทำความสะอาด ตกแต่งสถานที่ และเขียนบัตรอวยพรให้ผู้คน

อาหารและเครื่องดื่มที่ขาดไม่ได้

บ้านขนมปังขิงที่เด็กๆชื่นชอบ
อาหาร ประจำเทศกาลจะมีแฮมสูตรพิเศษและข้าวโอ๊ตต้ม ซึ่งจะใส่เมล็ดอัลมอนด์ลงไป คนที่เจอเมล็ดอัลมอนด์จะอธิษฐานขอพรได้หนึ่งข้อ เชื่อกันว่าคำอธิษฐานจะเป็นจริงก่อนถึงวันคริสต์มาสปีหน้า

ส่วนขนม ที่ขาดไม่ได้เลยคือคุกกี้ขนมปังขิง คุกกี้จะมีรูปร่างหน้าตาหลากหลาย ทั้งรูปเอลฟ์ ดาว ระฆัง ขนมดั้งเดิมอีกอย่างคือ บ้านขนมปังขิง เครื่องดื่มคือไวน์ หรือน้ำผลไม้ร้อนๆ ที่เรียกในภาษาฟินน์ว่า Gloggi เวลาเสิร์ฟมักใส่อัลมอนด์เคลือบสีเงินและลูกเกดลงไปด้วย

 ไม่เพียงแต่คนที่ได้อิ่มอร่อย นก และสัตว์เลี้ยงต่างๆ ก็เช่นกัน ชาวฟินน์จะมัดธัญพืชแล้วแขวนไว้ตามลานบ้านให้บรรดานกน้อยมาจิกกิน

ส่วนนกเลี้ยงก็จะได้กินเมล็ดพืชที่ใส่ให้ไว้ในกรง

วันเสาร์, ตุลาคม 09, 2553

ฟินแลนด์สร้างชุดเหรียญที่ระลึกสดุดีในหลวง


ประเทศฟินแลนด์สดุดีในหลวง สร้างชุดเหรียญที่ระลึก โครงการในพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยแต่ละชุดมี 6 เหรียญ จำหน่ายชุดละ 990 บาท เปิดให้จองแล้ววันนี้ที่ธนาคารกรุงเทพกับธนาคารไทยพาณิชย์ทุกแห่งทั่วประเทศ หรือจองผ่านเว็บไซต์ www.kinginitiative medal.com จนถึงวันที่ 25 ธ.ค.นี้ จากนั้นจะส่งเหรียญไปให้ทางไปรษณีย์ลงทะเบียน ตั้งแต่วันที่ 30 พ.ย. เป็นต้นไป
   
เมื่อเวลา 18.30 น. วันที่ 5 ต.ค. ที่โรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพ ซีร์ปา แมนปา เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐฟิน แลนด์ ได้เป็นประธานงานเปิดตัว ชุดเหรียญ ที่ระลึก โครงการในพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อร่วมเฉลิมฉลอง เนื่องในวโรกาส 60 ปี บรมราชาภิเษก โดยโรงกษาปณ์แห่งประเทศฟินแลนด์ เป็นผู้จัดทำขึ้น เนื่องจากตระหนักในพระมหากรุณา   ธิคุณ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่มีต่อพสกนิกรชาวไทย
   
สำหรับชุดเหรียญที่ระลึกเฉลิมพระเกียรติ ประกอบด้วยเหรียญโลหะทองนอร์ดิกจำนวน 6 เหรียญ ซึ่งเป็นเหรียญเชิดชูและยกย่องพระปรีชาสามารถในพระราชกรณียกิจ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยด้านหน้าของทุกเหรียญ มีพระบรมรูปของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในพระราชอิริยาบถทรงงาน ส่วนด้านหลังของเหรียญ เป็นภาพเกี่ยวกับโครงการในพระราชดำริ   ต่าง ๆ ทั้งนี้ชุดเหรียญที่ระลึกฯ ได้ผลิตจำนวน จำกัดราว 100,000 ชุด จำหน่ายในราคาชุดละ 990 บาท โดยรายได้จากการจำหน่าย หลังหักค่าใช้จ่ายจะนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายแด่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อโดยเสด็จพระราชกุศลตามพระราชอัธยาศัย
   
สำหรับชุดเหรียญที่ระลึกฯ นี้ จะบรรจุในบรรจุภัณฑ์กระดาษพิมพ์สีคุณภาพดี โดยชุดเหรียญได้ออกแบบอย่างสวยงามและมีความหมาย โดยในแต่ละชุดจะมีเหรียญขนาดใหญ่อยู่ 1 เหรียญ มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 28 มิลลิเมตร น้ำหนัก 9.6 กรัม ชื่อเหรียญ “ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน” ซึ่งมีความหมายแทนการรวมใจของคนไทยทั้งชาติ
   
ขณะที่อีก 5 เหรียญ มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 25 มิลลิเมตร น้ำหนัก 7.5 กรัม ทั้ง 5 เหรียญเป็นเหรียญที่เกี่ยวข้องกับการเชิดชู และยกย่องพระปรีชาสามารถ ในพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ประกอบด้วย เหรียญผู้ทรงสร้างและรักษาแผ่นดิน, เหรียญผู้ทรงเปี่ยมล้นด้วย พระราชหฤทัย เพื่อให้ผืนแผ่นดินไทยมีความอุดมสมบูรณ์, เหรียญผู้ทรงเป็นนักปราชญ์แห่งปรัชญาของการใช้ชีวิตแบบพอเพียง, เหรียญผู้ทรงพระปรีชาสามารถยิ่งในการประดิษฐ์คิดค้น และเหรียญผู้ทรงห่วงใยและรักษาคุณค่าของป่าไม้
   
โดยผู้สนใจสามารถสั่งจองได้ที่ธนาคาร กรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือจองผ่านเว็บไซต์ www.kinginitiative medal.com ได้ตั้งแต่วันที่ 5 ต.ค. ถึงวันที่ 25 ธ.ค. 53 โดยจะมีการส่งมอบชุดเหรียญที่ระลึกฯ ทางไปรษณีย์ลงทะเบียน ให้กับผู้สั่งจองตั้งแต่วันที่ 30 พ.ย. เป็นต้นไป

ที่มา: Daily News Online วันพุธ ที่ 06 ตุลาคม 2553 เวลา 9:11 น

วันเสาร์, ตุลาคม 02, 2553

"ซานตรา" หมีกูรูโยคะแห่งสวนสัตว์ฟินแลนด์


คนยุโรปฮือฮาภาพ "แม่หมีมหัศจรรย์" กูรูโยคะขั้นสูงแห่งสวนสัตว์ฟินแลนด์ 
















ชาวยุโรปกำลังฮือฮากับเจ้า "ซานตรา" แม่หมีขนสีน้ำตาลแห่งสวนสัตว์อาห์ตารี่ ประเทศฟินแลนด์ ที่มีกิจวัตรประจำวันเป็นการออกกำลังกายยืดหยุ่นอวัยวะของตนเองในเวลา 15 นาทีต่อหนึ่งวัน

โดยภาพการออกกำลังกายของเจ้าหมีเพศเมียตัวนี้ ถูกบันทึกไว้และนำออกเผยแพร่สู่สาธารณชนโดย "เมต้า เพนก้า" นักท่องเที่ยววัย 29 ปี จากประเทศสโลวีเนีย




"การยืดหยุ่นตนเองของซานตรามีลักษณะเหมือนกับคนเล่นโยคะ เธอมีท่วงท่าที่เรียบง่าย แช่มช้า มีสมาธิ และสงบนิ่ง" เพนก้า นักท่องเที่ยวชาวสโลวีเนีย ที่มีอาชีพเป็นโปรแกรมเมอร์ แสดงความเห็น

ขณะที่ "พอล ฮาร์วีย์" ครูสอนโยคะชาวอังกฤษ ได้ให้สัมภาษณ์กับเดอะ การ์เดี้ยนว่า จากรูปถ่ายที่ปรากฏ แม่หมีซานตร้ากำลังฝึกฝนโยคะในแบบอินเดียโบราณอยู่

"เธอเป็นคล้ายแม่หมีผู้โดดเดี่ยว บางทีเธออาจกำลังฝึกฝนโยคะเพื่อการมีสุขภาพจิตที่ดีอยู่ก็เป็นได้" ครูสอนโยคะชาวเมืองผู้ดีกล่าวและว่า ซานตร้าสามารถฝึกโยคะได้อย่างยืดหยุ่นและสมดุลราวกับเป็นกูรูผู้เชี่ยวชาญ

"นี่ไม่ใช่ผู้เริ่มต้นเล่นโยคะ แต่แม่หมีตัวนี้เป็นผู้ฝึกฝนโยคะในระดับสูงอย่างไม่ต้องสงสัย" ฮาร์วีย์กล่าวชื่นชม

ที่มา มติชนออนไลน์ 
16 กันยายน พ.ศ. 2553

วันอังคาร, กันยายน 28, 2553

♫ Lordi - "Hard Rock Hallelujah"



Lordi คือวงดนตรีฮารด์ร็อคของประเทศฟินแลนด์ ที่ชนะการประกวด Eurovision Song Contest ในปี 2006 ด้วยเพลง "Hard Rock Hallelujah" นับเป็นครั้งแรกของฟินแลนด์ที่สร้างประวัติศาสตร์ชนะการประกวดบนเวทีนี้ นอกจากจะเป็นผู้ชนะในปี 2006 แล้วยังครองสถิติคะแนนที่ได้รับโหวตมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ด้วย 292 คะแนน จนกระทั่ง Alexander Rybak และเพลง "Fairy Tale" จากนอร์เวย์ครองคะแนนโหวตสูงสุด (387คะแนน)ไปในปี 2009 ที่ผ่านมา




วันพุธ, กันยายน 15, 2553

วันแห่งการช้อปปิ้ง

อาทิตย์ 22 สิงหาคม 2553
ที่เมืองยาร์เวนป้า(Jarvenpaa),ฟินแลนด์


ตื่นสายมาก เกือบ 11 โมงเพราะเมื่อคืนฝนตกจึงอากาศเย็นในตอนเช้า และมีลมพัดอ่อนๆ หลังมื้อเช้าพวกเราขับรถไปดูร้านขายของมือสองที่ใหญ่ที่สุดในเมืองชื่อ HELMI (แปลว่าไข่มุก) ของเยอะมากและคนซื้อก็เยอะจนน่าเวียนหัว แต่สังเกตเห็นว่าสินค้าส่วนใหญ่มีราคาแพงกว่าร้าน EUROSET แต่ก็ตั้งใจว่าจะมาเดินดูร้านอีกทีให้ทั่ว ขากลับพวกเราแวะซื้อของในร้าน LIDL ซึ่งเป็นห้างที่ไม่ใหญ่นัก แต่ราคาของถูกที่สุดในบรรดาห้างสรรพสินค้าอื่นๆ มิกเกะบอกว่าเป็นร้านของเยอรมนี และที่ของถูกเพราะการจัดวางสินค้าและการบริการไม่ดีเท่าห้างอื่น อีกทั้งสินค้าก็เป็นยี่ห้อธรรมดา คุณภาพปานกลาง มีให้เลือกไม่มาก จากที่ดูคิดว่าเหมาะกับการซื้อของประจำวันมากกว่าเช่น นมซึ่งร้านนี้ราคาเพียง 65 เซ็นท์ น้ำผลไม้ปริมาณมากๆ เนื้อ ผักทั่วไป เครื่องปรุงต่างๆ และเครื่องใช้หรือนุ่งห่มทั่วไป เป็นต้น น่าจะประมาณห้างแม็คโครกับห้างบิ๊กซีรวมกั

หลังจากซื้อของพวกเราช่วยกันเตรียมมื้อกลางวันจากน้ำแกงต้มข่าไก่สำเร็จรูปที่นำมาจากเมืองไทย ใส่เนื้อและเห็ด ทานกับข้าง แต่รสชาติต่างจากต้มข่าไก่ที่บ้านมากจนน่าผิดหวัง ยังดีที่มีขนมบันรสหวานใส้ซินนามอนเป็นของหวาน จากนั้นมิกเกะออกไปเล่นบาสเก็ตบอลกับเพื่อนๆ และพอบ่ายแก่ๆพวกเราช่วยกันรื้อของเล่นเก่าๆของมิกเกะเพื่อแพ็คกลับบ้านนำไปให้ไทเลอร์ น่าแปลกใจมากที่มิกเกะมีตัวต่อเลโก้มากเป็นสิบกล่องและชิ้นส่วนกระจัดกระจายปนกันไปหมด จึงใช้เวลาพักใหญ่เพื่อหาตัวต่อใส่ทุกกล่องให้ครบสมบูรณ์ ระหว่างนั้นคุณแม่ปรียามีแขกมาพบและทานกาแฟตอนบ่ายซึ่งคือ คุณโอลติ ที่เคยพบมาแล้วในทริปปีก่อนและในวันเกิดที่เพิ่งผ่านมา และคุณเอมิเลียที่เพิ่งพบกันครั้งแรก ทั้งสองแวะมาฉลองความสำเร็จของลูกสาวพันธ์บาเซ็นจิของเอมิเลียชื่อ ปาลม่า ที่เพิ่งชนะการประกวดสุนัขสวยในตอนเช้าวันนี้ ส่วนโอลติก็นำลูกสาวพันธ์บาเซ็นจิมาด้วยเช่นกันชื่อ ปรีป้า ซึ่งทั้งสองเป็นลูกสาวของโซน่าและน้องสาวของเปรล่า ปรากฏว่าโซน่าตั้งท้องครั้งแรกได้ลูกสี่ตัวได้แก่ เปรล่า ปรีป้า โอเฮอะ(ตัวผู้ตัวเดียว ตอนนี้อยู่กับเพื่อนคุณแม่ปรียาที่เมืองอีซาลมี่) และปาลม่า ตามลำดับ แต่แปลกที่ทั้งโซน่าและเปรล่าไม่ชอบปาลม่าเลย ทั้งเห่าและไล่กัดไม่ยอมหยุดเลย บ่ายวันนั้นเลยวุ่นวาย และสุดท้ายคุณแม่ปรียาต้องจับโซน่าและเปรล่าขังแยกออกมา งานนี้จึงจบลงด้วยความเรียบร้อย พวกเราเห็นทีขอตัวกลับเข้ามาเก็บของเล่นเลโก้เข้าที่พร้อมทั้งจัดเตรียมของเล่นเพื่อนำไปฝากไทเลอร์

หลังอาบน้ำพวกเรานอนดู TRANSFORMER ก่อนนอน

วันอังคาร, กันยายน 14, 2553

♫ เพลงชาติฟินแลนด์ - Maamme laulu ♫



 
Maamme (Our Land) Oi maamme Suomi, synnyinmaa, soi, sana kultainen! Ei laaksoa ei kukkulaa, ei vettä, rantaa rakkaampaa kuin kotimaa tää pohjoinen, maa kallis isien. Sun kukoistukses kuorestaan keerrankin puhkeaa; viel' lempemme saa nousemaan, sun toivos, riemus loistossaan, ja kerran laulus, synnyinmaa, korkeemman kaiun saa. 
.........................................................
Our land, our land, our fatherland, Sound loud, O name of worth! No mount that meets the heaven's band. No hidden vale, no wave-washed strand. Is loved, as is our native North. Our own forefathers' earth. Thy blossom, in the bud laid low, Yet ripened shall upspring. See! From our love once more shall grow Thy light, thy joy, thy hope, thy glow! And clearer yet one day shall ring The song our land shall sing.

วันพุธ, กันยายน 08, 2553

ลาก่อนอีซาลมี่

อาทิตย์ 15 สิงหาคม 2553
ที่ Iisalmi

วันนี้พวกเราต้องเดินทางกลับเมืองยาร์เวนป้าหลังจากมาเที่ยวที่นี่ได้หนึ่งอาทิตย์พอดี รู้สึกเศร้าที่ต้องแพ็คกระเป๋าอีกแล้วเพราะเพิ่งรู้สึกชินกับสถานที่พักของคุณป้า มื้อกลางวันคุณยายและคุณป้าช่วยกันทำสตูว์คาเรเลี่ยนให้พวกเราทาน เป็นมื้อสุดท้ายในอีซาลมี่ และก่อนกลับพวกเราได้เขียนความประทับใจส่วนตัวในสมุดเยี่ยมเยียนของทั้งคุณป้าและคุณยาย และก็ไม่ลืมที่จะคืนจักรยานพร้อมกับบอกลาคุณตาออซซี่ (จึงได้แอปเปิ้ลกลับบ้านอีกถุงใหญ่) ประทับใจที่คุณยายกอดลาและบอกว่าปีหน้าให้มาเที่ยวที่นี่อีก แถมยังอวยพรให้เราคบกับมิกเกะไปได้นานๆ

เดินทางกลับยามเย็น ได้ชมพระอาทิตย์ตกดินทำให้ท้องฟ้าดูสวยมาก กลับถึงยาร์เวนป้าเกือบเที่ยงคืน


วันพฤหัสบดี, สิงหาคม 26, 2553

มื้อกลางวันที่ท่าเรือ


เสาร์ 14 สิงหาคม 2553
ที่ Iisalmi
วันนี้ตื่นสายอีกแล้ว ประมาณสิบโมงเช้าคุณป้ากับคุณยายซื้อแพนเค้กจากตลาดนัดมาให้ทาน หน้าตาเหมือนแป้งบางทอดคล้ายโรตีแต่ไม่กรอบ ขนาดใหญ่และไม่มีไส้ พอโรยน้ำตาลหรือทาแยมแล้วจะอร่อยมาก พอเกือบบ่ายสองพวกเราทั้งสี่พากันไปทานมื้อเที่ยงนอกบ้านเป็นครั้งที่สองโดยคุณป้าเป็นเจ้ามืออีกแล้ว
ร้านอาหารอายุนับร้อยปี
ร้านอาหารนี้อยู่ใกล้ชายหาดฝั่งเดียวกับโรงผลิตเบียร์ OLVI ที่พวกเราไปเดินเล่นเมื่อสองวันก่อน อาหารรสชาติดีถึงขนาดมิกเกะชมเปาะว่าเป็นอาหารฟินแลนด์ที่อร่อยที่สุดเท่าที่ทานมา แต่เราชอบของหวานที่เป็นพายบลูเบอร์รี่เสิร์ฟพร้อมไอศกรีมวานิลา อร่อยเหาะ!!
หลังอาหารคุณป้าและคุณยายขอตัวไปซื้อของ พวกเราเดินหามุมถ่ายรูปที่รูปปั้นสัญลักษณ์ของโรงเบียร์เก่าแก่ OLVI ที่ผลิตเครื่องดื่มมานานนับ 131 ปี
( http://www.olvi.fi/web/en/51 ) 

โรงงานผลิตเครื่องดื่ม OLVI
สัญลักษณ์ของ OLVI











KUAPPI Restuarant



รวมถึงร้านอาหารที่เล็กที่สุดชื่อ KUAPPI รับบริการได้แค่สองที่และต้องโทร.จองก่อนเป็นเวลานาน (http://trifter.com/europe/the-smallest-restaurants-in-the-world/#ixzz0xFpApG8P
จากนั้นพวกเรากลับมาดูทีวีรอที่อพาร์ทเม้นท์ บ่ายแก่ๆจึงเดินไปว่ายน้ำที่ลำธารใกล้ๆ น้ำเย็นมาก พอกลับมาถึงคุณยายและคุณป้าก็มาร่วมสมทบเพื่อดูทีวีและอบซาวน่าเวลาสองทุ่ม จากนั้นเกือบเที่ยงคืน จึงเข้านอน

วันพุธ, สิงหาคม 25, 2553

วันสบายๆ

ศุกร์ 13 สิงหาคม 2553
ที่ Iisalmi

วันนี้ตื่นประมาณสิบโมงเช้า อุ่นไก่อบและต้มมาม่าเป็นอาหารเช้า จากนั้นมิกเกะไปออกกำลังกาย เราเลยพอมีเวลาอัพโหลดภาพถ่ายลงเฟสบุ๊ค พอมิกเกะกลับมาเกือบบ่ายโมงพวกเราจึงออกไปทานมื้อกลางวันนอกบ้านและซื้อของทำมื้อเย็น ขับรถไปซื้อเบอร์เกอร์และไปนั่งทานกันริมหาด

ที่ร้านเบอร์เกอร์อดสังเกตไม่ได้ว่ามีคนจ้องเราเต็มไปหมด ทำหน้าไม่ถูกเลยเชียว หลังมื้อกลางวันพวกเราขับรถไปซื้อของที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตและกลับมาทำ Tortilla เอง โดยคลุกเนื้อกับผงเครื่องปรุงสำหรับทำโดยเฉพาะ และผัดให้สุก เวลาทานก็ตักเนื้อราดลงบนแป้ง Tortilla ที่มีขายอยู่แล้ว พร้อมกับสลัด แล้วห่อ อร่อยพอใช้ได้เลย ตอนเย็นไปนั่งเล่นที่อพารท์เม้นท์ของคุณยายจนดึกจึงเดินกลับมานอน

กิจกรรมในเมืองIisalmi

พุธ 11 สิงหาคม 2553
ที่เมืองอีซาลมี่ (iisalmi) ประเทศฟินแลนด์

วันนี้นอนตื่นสายเพราะอากาศช่วงเช้าค่อนข้างเย็นคือประมาณ 19 องศาและดูครึ้ม แต่ไม่มีฝน พอใกล้เที่ยงอากาศร้อนขึ้นเป็น25 องศา มื้อเช้าทานแค่ชีสแซนด์วิชหนึ่งชิ้นเพราะคุณป้าอันนาลีจะพาไปทานมื้อกลางวันนอกบ้าน หลังอาหารเช้าช่วงเวลาที่รอคุณป้ากลับบ้าน จึงมีเวลานั่งเขียนไดอารี่ย้อนหลังตั้งแต่วันที่มาถึงฟินแลนด์ บรรยากาศนอกระเบียงของอพารท์เม้นท์คุณป้าสวยมาก ล้อมรอบไปด้วยกระจกที่มองลงไปเห็นคนขี่จักรยานไปมาอย่างเงียบๆ อีกทั้งมีกระถางดอกไม้สวยสดดูรื่นรมย์ พอเวลาบ่ายสองโมงคุณป้าก็มาถึงพร้อมกับคุณยายลีซ่าซึ่งสวมเดรสชุดเดียวกับเมื่อวานพร้อมหมวกและรองเท้าสีเดียวกัน ดูน่ารัก หลังจากเตรียมตัวสักพักทุกคนก็พร้อมสำหรับมื้อกลางวัน

มิกเกะพาพวกเราทั้งสี่คนขับรถออกนอกเมือง iisalmi ประมาณ 20 กิโลเมตร จุดหมายปลายทางคือ Runni Spa ที่ให้บริการที่พักพร้อมบริการสปา แต่วันนี้เราจะมาทานบุฟเฟ่มื้อกลางวันกันที่นี่ ที่หน้าเคาน์เตอร์ต้อนรับมีบ่อน้ำเก่าสนิมเขราะ โดยมิกเกะอธิบายว่าน้ำจากบ่อนี้เป็นน้ำที่ไหลมาจากน้ำพุธรรมชาติ พร้อมชี้ให้ดูใบรับรองคุณภาพบนผนัง พวกเราลองชิมและพบว่าน้ำมีกลิ่นและรสชาติต่างจากน้ำธรรมดามาก อธิบายไม่ถูกแต่ไม่ชอบเท่าไหร่ จากนั้นพวกเราเดินเข้าไปตักอาหารทานเองเพราะเป็นบุฟเฟ่ อดสังเกตไม่ได้ว่าทำไมแขกที่ทานอาหารจึงมีแต่ผู้สูงอายุ และจ้องเหมือนเราเป็นเอเลี่ยน มารู้ทีหลังว่าแขกเหล่านี้เป็นกลุ่มผู้สูงอายุที่เดินทางมาทำกิจกรรมที่สปาแห่งนี้เพื่อฟื้นฟูกำลังกาย มาจากเมืองเล็กๆรอบๆ iisalmi ซึ่งบางคนอาจไม่เคยเห็นคนเอเชียมาก่อนจึงจ้องเอาๆ รู้สึกแปลกดีแฮะ
บุฟเฟ่กลางวันมื้อนี้ประกอบด้วยอาหารที่มาจากสี่โต๊ะใหญ่ๆได้แก่ ผักและสลัดต่างๆเป็นโต๊ะแรก จากนั้นเป็นโต๊ะของขนมปังชนิดต่างๆและเนย ส่วนอีกโต๊ะหนึ่งเป็นอาหารจานหลักได้แก่มันต้ม สตูว์เนื้อ ปลาอบ และปลาราดซอสครีมเห็ด จากนั้นเป็นโต๊ะเครื่องดื่มที่มีทั้งนม นมถั่วเหลือง เครื่องดื่มโยเกิรต์รสเปรี้ยว กาแฟ ชาประเภทต่างๆ โกโก้ร้อน และของหวานที่หน้าตาเหมือนมูสทำจากพรุนบด โดยรวมเป็นมื้อที่ดีเพราะรสชาติใช้ได้แถมทานได้ไม่อั้น ทุกคนอิ่มแปล้ ขากลับจึงแวะเดินซื้อของที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตชื่อ prisma ในเมือง ซื้อของมาเยอะมาก ส่วนใหญ่เป็นอาหารสดตุนให้พวกเราได้กินไปทั้งอาทิตย์ และยังมีอาหารสำหรับคุณยายอีกด้วย ดังนั้นก่อนกลับอพารท์เม้นท์คุณป้าพวกเราจึงแวะส่งคุณยายและช่วยขนของที่ซื้อมาให้คุณยาย พร้อมทั้งใช้เวลาที่เหลือตลอดบ่ายนั่งดูทีวีและเล่นกับแมวมุสสุที่อายุ 18 ปีแมว (เปรียบเป็นอายุคนก็ตั้ง 126 ปี)

หลังจากนั้นเราขับรถไปหาเครปทานแต่ไม่มีขายที่ตลาดนัดเลยต้องกลับ ตลาดนัดคนเยอะมากเพราะมีงานดนตรี นักร้องวัยกลางคน
เย็นนี้ได้อบซาวน่าและดูทีวีก่อนนอน

วันพฤหัสบดี, สิงหาคม 19, 2553

Road Trip to Iisalmi


Monday 9th August 2010

Mikke and I decided to take a road trip on his car as it came cheaper than a train ticket. There was almost 500 km. which was about 6 hour driving from Jarvenpaa to Iisalmi. After two stops for toilet and snacks, we finally arrived Iisalmi, the town of an elderly paradise!

'Tour de Finland' ปั่นสู้ฝัน

Wednesday 4th August 2010
In Jarvenpaa & Tuusula, Finland

We found an ad from a local newspaper that if we cycled around the lake called 'Tuusulanjarvi' and signed its guestbook, we might be lucky to receive a new bicycle. So I thought we should try it just for fun. But the whole track of over 20 km. long was not at all a piece of cake. My bum hurt and my whole legs were swollen (at least i felt they were). We succeeded but guess there would be no more cycling for a while. Arghhhhh...

วันพุธ ที่ 4 สิงหาคม ปี 2553
เมืองยาร์เวนแป้ รอบๆทะเลสาบตูสุล่า ประเทศฟินแลนด์

พวกเราอ่านพบประกาศจากหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น เชิญชวนประชาชนและนักท่องเที่ยวนำจักรยานออกมาปัดฝุ่นเพื่อปั่นรอบทะเลสาบตูสุล่าซึ่งมีระยะทางรอบทะเลสาบประมาณยี่สิบกิโลเมตร หากปั่นครบรอบจะมีสมุดให้ลงชื่อเพื่อนำไปจับฉลากชิงรางวัล คือ รถจักรยานหนึ่งคัน ฮ้า! แต่พวกเราไม่หวังจะได้รางวัลหรอกนะ เราเพียงอยากร่วมสนุกด้วยเท่านั้น ในวันที่แดดอุ่น ฟ้าใส พวกเราทานอาหารเช้าให้อิ่มแล้วออกเดินทางลงสนามปั่นสู้ฝัน ช่วงแรกปั่นกันแบบชิลๆ ชมนกชมไม้ไปตามทาง ช่วงหลังๆเริ่มอืด หยุดพักถ่ายรูปตามสถานที่สวยๆรอบทะเลสาบ พอใกล้จะเข้าสู่โค้งสุดท้ายบั้นท้ายเริ่มระบม น่องปูด และมีอาการเหนื่อยหอบอย่างแรง (สังเกตว่ามีเดี๊ยนคนเดียวที่มีอาการแบบนี้ เพื่อนร่วมทางคนอื่นๆดูปกติดีทุกอย่างค่าา อายจริงๆ) และแล้วก็มาถึงเส้นชัย ยินดีมาก ปลื้มปริ่มที่มันจบลงซะที จากนี้ไปคงจะเว้นช่วงปั่นจักรยานอีกนาน เหอะเหอะเหอะ

ชมภาพเพิ่มเติมได้จากอัลบั้มภาพจากลิ้งค์นี้ได้เลยค่ะ ''Tour de Finland''










 

ฉลองวันเกิดไกลบ้าน 2 สิงหาคม 2010


จันทร์ 2 สิงหาคม 2553

วันนี้วันเกิดครบรอบ 29 ปี รู้สึกแก่ขึ้นอีกปี อากาศดีมาก อุณภูมิตั้ง 27 องศาและแดดจ้า

หลังมื้อเช้าพวกเราช่วยกันตัดแต่งรั้วให้คุณแม่ปรียา และปิ้งใส้กรอกเตรียมเป็นมื้อกลางวัน พอคุณแม่กลับจากซื้อของก็ทำเค้กวันเกิดให้พร้อมกับจัดโต๊ะในสวนทานกลางวันกัน อาหารอร่อย เค้กสตรอเบอร์รี่ลูกใหญ่ม้ากกกก พร้อมชามะนาวผสมน้ำแอ็ปเปิ้ล ถูกใจมาก ขอบคุณคุณแม่ปรียามากค่ะ





ตอนบ่ายโทร.คุยกับแม่ทาง skype แม่อวยพรวันเกิดและได้คุยกับไทเลอร์ด้วยเลยอดน้ำตาซึมไม่ได้

ตกเย็นปิดท้ายด้วยซาวน่าและดูซีดี madventure ของมิกเกะ


วันที่แดดอุ่นสบาย

อาทิตย์ 1 สิงหาคม 2553
ที่เมืองยาร์เวนป้า (Järvenpää),ฟินแลนด์

ทั้งที่เข้านอนเกือบเที่ยงคืนแต่ก็ยังตื่นเวลาเดิมคือตีสี่ อีกครั้งที่ต้องนอนข่มตาหลับจนถึงเช้าเพราะร่างกายยังปรับตัวกับเวลาที่เปลี่ยนแปลงไปจากเวลาปกติในประเทศไทย วันนี้อากาศร้อนขึ้นในตอนสาย น่าจะประมาณ 26 องศา พวกเราไม่ได้ทำอะไรมากแค่ซักเสื้อผ้า และออกไปซื้อของมาทำกับข้าวทานกัน พร้อมกับแวะซื้อยาแก้แพ้ให้มิกเกะ(เพราะเค้ามีอาการแพ้ละอองฝุ่นในฤดูร้อน)และซื้อถั่วกรอบรสเผ็ดที่รสชาติไม่เผ็ดอย่างที่เขียนบนถุงเลย กับขนมหวานหนึ่งถุง

อากาศดี แดดอุ่นมาก เหมาะกับกิจกรรมซักตากเสื้อผ้าและเดินเล่นนอกบ้าน

ตอนเย็นมีโอกาสไปดูหนังเรื่อง ‘Inception’ (จิตพิฆาตโลก) รอบสองทุ่มในเมือง โรงภาพยนตร์ของที่นี่แม้จะมีขนาดเล็กและแอร์ไม่เย็นฉ่ำเหมือนบ้านเราแต่ที่นั่งค่อนข้างสบายไซส์ฝรั่งและที่พักขากว้างมาก ชอบพล็อตเรื่องแต่อาจต้องหาแบบบรรยายไทยมาดูอีกที


ท่องฟินแลนด์ ทริปที่สอง


เสาร์ 31 กรกฎาคม 2553
ที่เมืองยาร์เวนป้า (Järvenpää), ฟินแลนด์

มาถึงเมื่อวานตอนบ่าย และได้พักผ่อนเต็มอิ่ม 7 ชั่วโมงรวด ตื่นขึ้นมาอีกทีตอนค่ำจึงออกไปเดินเล่นจูงสาวๆ(สุนัขพันธุ์บาเซ็นจิสามตัว)กับคุณแม่ปรียา เข้านอนอีกทีเกือบตีหนึ่ง แต่ก็ยังรู้สึกเพลียและเวลาในร่างกายหรือ Body Clock ยังไม่เสถียรเพราะตื่นตั้งแต่ตีสี่ นั่นคือแปดโมงเช้าที่เมืองไทย พยายามข่มตาหลับต่อไปจนถึงเจ็ดโมง สงสารคนที่นอนข้างๆที่พลอยตื่นกับเราด้วยทั้งที่เค้าต้องทำงานและกลับบ้านดึก

อุณหภูมิวันนี้ประมาณ 24 องศา ฟ้าใส อาหารเช้ามื้อแรกคือมันฝรั่งต้มกับปลาอบฝีมือคุณแม่ปรียา กลิ่นหอม อร่อยมาก จากนั้นส่งอีเมล์บอกข่าวแก่น้องชายและยังได้แชทคุยกับไทเลอร์ คิดถึงบ้านมากจนน้ำตาซึมอีกแล้ว และพอตกบ่ายมิกเกะชวนเอาจักรยานเก่าคันหนึ่งออกมาปัดฝุ่นแล้วปั่นเล่นในหมู่บ้าน ก่อนกลับแวะซื้อไอศกรีมที่ร้านขายของชำในหมู่บ้าน หน้าตาไม่ต่างจากร้านขายของชำของป้าหนอมที่บ้านเราเลย เพียงแต่ดูเก่ากว่าและของน้อยกว่าเยอะ ขากลับอากาศเย็นๆและมีลมพัดบ้าง หลังอาหารกลางวันคุณพ่อมารค์กุแวะมาช่วยซ่อมรถให้มิกเกะ คุณพ่อแกขี่มอเตอร์ไซด์คันใหญ่ยี่ห้อ Honda CBR ดูเท่เชียว ก่อนกลับก็พยายามสื่อสารกับเราเป็นภาษาอังกฤษทั้งที่พูดได้นิดเดียว น่ารักดีค่ะ


วันอาทิตย์, พฤษภาคม 23, 2553

ประเทศฟินแลนด์ (Finland)



ประเทศฟินแลนด์ มีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า สาธารณรัฐฟินแลนด์ เป็นประเทศในกลุ่มนอร์ดิก ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของทวีปยุโรป เขตแดนด้านตะวันตกเฉียงใต้จรดทะเลบอลติก ทางด้านใต้จรดอ่าวฟินแลนด์ ทางตะวันตกจรดอ่าวบอทเนีย ประเทศฟินแลนด์มีชายแดนติดกับประเทศสวีเดน นอร์เวย์ และรัสเซีย สำหรับหมู่เกาะโอลันด์ที่อยู่ห่างจากชายฝั่งตะวันตกเฉียงใต้นั้น อยู่ภายใต้การปกครองของฟินแลนด์ แต่เป็นเขตปกครองตนเอง เคยถูกรัสเซียยึดครองและเป็นดินแดนส่วนหนึ่งของรัสเซีย

ฟินแลนด์มี ประชากรเพียง 5 ล้านคน ในพื้นที่ 338,145 ตารางกิโลเมตร นับว่ามีประชากรที่เบาบาง แต่มีดัชนีการพัฒนามนุษย์ตามสถิติของสหประชาชาติ พ.ศ. 2549 อยู่ในลำดับที่ 11 ฟินแลนด์เคยเป็นส่วนหนึ่งของสวีเดนหลายศตวรรษ หลังจากนั้นก็อยู่ภายใต้จักรวรรดิรัสเซียจนถึงปี พ.ศ. 2460 ปัจจุบันฟินแลนด์เป็นสาธารณรัฐประชาธิปไตย

ภาษาฟินแลนด์เป็นหนึ่งใน ภาษาราชการไม่กี่ภาษาของสหภาพยุโรป ที่ไม่ได้มีต้นกำเนิดเป็นกลุ่มภาษาอินโด-ยูโรเปียน ร่วมกับภาษาเอสโตเนีย ภาษาฮังการี และภาษามอลตา

เมืองหลวง
กรุงเฮลซิงกิ (Helsinki)

ที่ตั้ง
ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของทวีปยุโรป
ทิศ เหนือติดนอร์เวย์
ทิศตะวันตกติดสวีเดน
ทิศตะวันออกติดรัสเซีย
ทิศ ใต้ ติดกับเอสโตเนีย
โดยมีทะเลบอลติกกั้นอยู่

พื้นที่
338,145 ตารางกิโลเมตร

ภูมิประเทศ
ฟินแลนด์ เป็นประเทศที่มีทะเลสาบและเกาะเป็นจำนวนมาก โดยมีทะเลสาบถึง 187,888 แห่ง (ที่มีเนื้อที่มากกว่า 500 ตารางเมตร) และมีเกาะถึง 179,584 เกาะ โดยทะเลสาบไซมา ซึ่งเป็นทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดในฟินแลนด์ เป็นทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับห้าของยุโรป ภูมิประเทศทั่วไปของฟินแลนด์มีลักษณะเป็นที่ราบ ไม่มีภูเขามากนัก จุดสูงสุดของประเทศอยู่ที่ภูเขาฮัลติ ซึ่งตั้งอยู่ทางตอนเหนือของเขตแลปแลนด์ โดยมีความสูง 1,328 เมตร นอกจากทะเลสาบแล้ว พื้นที่ส่วนใหญ่ของฟินแลนด์ปกคลุมด้วยป่าสน และมีพื้นที่เพาะปลูกไม่มากนัก ฟินแลนด์มีเกาะที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่อยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศ บริเวณหมู่เกาะโอลันด์ และตลอดแนวชายฝั่งทางใต้ในอ่าวฟินแลนด์ ฟินแลนด์เป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศของโลกที่ยังคงมีขนาดใหญ่ขึ้น จากการยกตัวของแผ่นดินที่มีผลมาตั้งแต่ยุคน้ำแข็งครั้งสุดท้าย

ภูมิอากาศ
ภูมิอากาศ ทางตอนใต้ของฟินแลนด์เป็นแบบเขตอบอุ่น ทางตอนเหนือ โดยเฉพาะในเขตจังหวัดแลปแลนด์ มีภูมิอากาศแบบป่าสนหรือกึ่งอาร์กติก ซึ่งโดยทั่วไปจะหนาวเย็น มีฤดูหนาวที่รุนแรงในบางครั้ง และมีฤดูร้อนที่ค่อนข้างอบอุ่นโดยเปรียบเทียบ ฟินแลนด์ได้รับอิทธิพลจากกระแสน้ำอุ่นกัลฟ์สตรีมเพราะอยู่ใกล้มหาสมุทร แอตแลนติก ทำให้มีภูมิอากาศที่ค่อนข้างอบอุ่นเมื่อเปรียบเทียบกับละติจูดที่อยู่สูงมาก

เนื้อที่ ราวหนึ่งในสี่ของประเทศฟินแลนด์ตั้งอยู่เหนืออาร์กติกเซอร์เคิล ทำให้เกิดปรากฏการณ์พระอาทิตย์เที่ยงคืนได้ ในจุดที่เหนือที่สุดของฟินแลนด์ พระอาทิตย์ไม่ตกดินเป็นเวลา 73 วันในช่วงฤดูร้อน และไม่ขึ้นเลยเป็นเวลา 51 วันในช่วงฤดูหนาว

ประชากร
5.29 ล้านคน

เชื้อชา ติ
Finnish 93.4% Swedish 5.7% Russian 0.4%

ภาษา
ใช้ ภาษาราชการ 2 ภาษา คือ ภาษา Finnish และ ภาษา Swedish

ศาสนา
ส่วน ใหญ่นับถือศาสนาคริสต์ (นิกาย Lutheran 84.2% นิกาย Orthodox 1%)

สกุลเงิน
ตั้งแต่ วันที่ 1 มกราคม 2545 ฟินแลนด์ได้เปลี่ยนจากการใช้เงินสกุลฟินมาร์ก หรือ Markka -FIM มาเป็นเงินยูโร(euro)

วันชาติ
6 ธันวาคม

ระบบการเมือง
ระบอบประชาธิปไตยแบบรัฐสภา (Constitutional Republic)

สหภาพยุโรป
ฟินแลนด์ได้เข้าเป็น สมาชิกของสหภาพยุโรป (EU) ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2538 และรับหน้าที่เป็นประธานสหภาพยุโรปครั้งแรกระหว่างเดือนกรกฎาคม - ธันวาคม 2542 และครั้งที่ 2 ระหว่างเดือนกรกฎาคม - ธันวาคม 2549 โดยในช่วงเป็นประธานสหภาพยุโรป ฟินแลนด์ได้เป็นเจ้าภาพจัดประชุมเอเชีย-ยุโรป ระดับผู้นำครั้งที่ 6 (ASEM 6) ที่กรุงเฮลซิงกิ เมื่อวันที่ 10-11 กันยายน 2549

นโยบายต่าง ประเทศของฟินแลนด์
นับตั้งแต่ฟินแลนด์ได้รับเอกราชจนถึง ก่อนสิ้นยุคสงครามเย็น การดำเนินโยบายต่างประเทศของฟินแลนด์จะดำเนินการอยู่บนพื้นฐานของเหตุผลทาง ด้านที่ตั้งและภูมิรัฐศาสตร์(geopolitics) ของประเทศเป็นสำคัญ เนื่องจากฟินแลนด์ตั้งอยู่ระหว่างกลุ่มประเทศยุโรปตะวันตกและรัสเซีย ซึ่งฟินแลนด์มีพรมแดนติดต่อกับรัสเซียเป็นระยะทางยางถึง 1,270 กิโลเมตร (800 ไมล์)สภาวะทางภูมิศาสตร์ดังกล่าวมีผลให้ฟินแลนด์จำเป็นต้องดำเนินนโยบายต่างประเทศเป็นกลางอย่างเคร่งครัด (neutrality) เนื่องจาก ฟินแลนด์เป็นประเทศที่มีขนาดเล็กและมีขีดความสามารถป้องกันตนเองอย่างจำกัด ฟินแลนด์จึงไม่ต้องการเป็นยุทธภูมิของการสู้รบระหว่างฝ่ายตะวันตกกับฝ่ายตะวันออก และไม่ต้องการให้มีการตัดสินปัญหาต่าง ๆ ของโลกโดยวิธีทางการทหารและไม่ประสงค์นำประเทศเข้าไปพัวพันกับความขัดแย้งระหว่างประเทศ ดังนั้น นโยบายความเป็นกลางจึงเป็นแนวทางในการปกป้องเอกราชของฟินแลนด์ในช่วงเวลาดังกล่าว บทบาทของฟินแลนด์ในเวทีการเมืองระหว่างประเทศเริ่มเด่นชัดขึ้นภายหลังการสิ้นสุดยุคสงครามเย็น โดยนโยบายความเป็นกลางของฟินแลนด์ได้มีความยืดหยุ่นมากขึ้น เป็นการปรับนโยบายให้เข้ากับกระแสโลกที่เปลี่ยนแปลง คือ ส่งเสริมระบอบประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชน และระบบเศรษฐกิจเสรี ฟินแลนด์ได้พยายามเสริมสร้างบทบาทของตนเองให้มีความสำคัญมากขึ้นในเวทีระหว่างประเทศ โดยเฉพาะภูมิภาคยุโรป ซึ่งฟินแลนด์ต้องการมีส่วนร่วมในการกำหนดระเบียบความมั่นคงในรูปแบบใหม่ของยุโรป ที่พยายามรวมตัวกันทั้งทางด้านเศรษฐกิจการเมือง และการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งทางสังคม เชื้อชาติ และภัยคุกคามต่าง ๆ ร่วมกัน โดยไม่ใช้ความรุนแรงซึ่งเป็นนโยบายที่สอดคล้องกับผลประโยชน์ระยะยาวในด้านความมั่นคงของฟินแลนด์เองที่จะทำให้ภูมิภาคยุโรปไม่กลับคืนไปสู่สภาวะแห่งการแบ่งแยกออกเป็นเขตผลประโยชน์ และเขตอำนาจต่าง ๆ ดังเช่นที่อดีตผ่านมา

ขอขอบคุณที่มา: http://www.holidaythai.com/finland_attractions_guide.htm

แผนการเดินทางครั้งต่อไป (My next trip to Finland)



เริ่มต้นที่เชียงใหม่แล้วบินไปเปลี่ยนเครื่องที่กัวลาลัมเปอร์ จากนั้นบินจากกัวลาลัมเปอร์ไปต่อเครื่องที่แฟรงค์เฟิร์ตและบินต่อไปยัง เฮลซิงกิ ทั้งหมดนี้ใช้เวลาเดินทางขาไป 23.35 ชั่วโมง(หมดเวลาไปหนึ่งวันเลย) และขากลับ 20.10 ชั่วโมง

สถานที่พักช่วง 2-3 วันแรกจะพักที่บ้านของมิกเกะในเมือง Järvenpää ซึ่งห่างจากเมืองหลวงเฮลซิงกิ (Helsinki) ขับรถเพียง 30 นาที ในส่วนจุดหมายและสถานที่ท่องเที่ยวนั้นจะเป็นเมือง Iisalmi ที่อยู่ทางตอนกลางของประเทศเพือเยี่ยมคุณยายของมิกเกะ และคงจะพักอยู่ที่นั่นตลอดทั้งทริปเลย

กิจกรรมที่น่าทำคงเป็นแบบท่องเที่ยวเบาๆ เนื่องจากฟินแลนด์เป็นประเทศที่ร่ำรวยทรัพยากรธรรมชาติโดยเฉพาะทะเลสาปและ ป่าไม้ ดังนั้นกำหนดการ(ที่ตกลงกันเอง)คงไม่พ้นการพายเรือในทะเลสาป ตกปลา ตั้งแคมป์ ปั่นจักรยานชมเมือง เที่ยวสวนสัตว์ พิพิธภัณฑ์และชมนิทรรศการต่างๆที่จัดขึ้นในช่วงเวลานั้น อ้อ และที่ขาดไม่ได้คือการซาวน่าสลับกับการว่ายน้ำหรือจุ่มตัวในทะเลสาป เคยลองมาแล้วในทริปก่อน สนุกและสดชื่นมากๆโดยเฉพาะในวันที่อากาศเย็นค่ะ

หนนี้ไปเที่ยวตั้งเดือนคงมีรูปมาฝากเพื่อนๆมากขึ้นจาก Wonderful Trip in Finland โปรดติดตามต่อไปนะคะ

วันเสาร์, พฤษภาคม 22, 2553

ท่องฟินแลนด์เป็นครั้งแรกในชีวิต : My First Trip to Finland


My journey began at Suvarnabhum Airport as the plane took off around 0.10 am local time and arrived at 6 am local time in Finland on the 10th of July 2009. I stayed a few days in Helsinki, where Mikke showed me around the capital city of Finland. Then we drove to the city of Jarvenpaa to visit his mom on Sat. before heading to a summer cottage..

After 2.30 hrs driving, we arrived at the summer cottage which belongs to Mikke's dad and partner. The cottage was very well taken care of and very very quiet... just like a typical Finnish summer cottage. There is a big lake in front of it that creates beautiful scenery. Dad didn't speak much English but I could tell that he is a very kind, sweet and funny man. After spending 2 days in the cottage, we headed back to Jarvenpaa and had lunch with Mikke's mom before driving further to Helsinki.

Thought my journey ended when I checked in at the airport before taking off to BKK, but it was not as easy as that. There had been a misunderstanding about my return ticket which resulting me to stay one more night to catch a new flight. This granted me an opportunity to see more of Finland for one more day and spent more hours with my Finn Butter. When the time came for me to leave, it was really sad to say goodbye, but I promised to myself I had to come back again ! See you next time, Finland !!!