หายไปนานสองเดือนเต็มและกลับมาพร้อมกับข่าวดี คือ residence permit ผ่านแล้ว ทีนี้ก็แค่ทำเรื่องเพิ่มชื่อในทะเบียนบ้านที่สำนักงานทะเบียนท้องที่(Maistraatti)พร้อมขอเลขประกันสังคมจากสำนักงานประกันสังคม(KELA) และขึ้นทะเบียนกับสำนักงานจัดหางานเพื่อขอสิทธิประโยชน์ช่วยเหลือผู้ว่างงานตามกฎหมาย พร้อมลงทะเบียนหางานเผื่อมีตำแหน่งงานให้ทำ ส่วนเจ้าตัวเล็กก็ต้องสมัครเข้าเรียนเตรียมความพร้อมที่สถานรับเลี้ยงเด็ก(Päiväkerhot)ใกล้บ้าน หวังว่าคงจะไม่ต้องรอนานเหมือนคราวที่ยื่นขอ residence permit นะ
ช่วงที่ผ่านมาระหว่างรอผลอยู่นั้นลูกชายยังไปโรงเรียนไม่ได้ แต่โชคดีที่ยังมีสถานรับดูแลเด็กของโบสถ์ใกล้บ้านที่รับดูแลเด็กอายุไม่เกินหกขวบ รับดูแลอาทิตย์ละ 2 วัน (จันทร์กับพฤหัสบดี) วันละสามชั่วโมง (9:00 – 12:00) เพื่อช่วยให้เด็กปรับตัวเข้ากับภาษาใหม่และเพื่อนใหม่ โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายเลย วันแรกๆเราต้องไปกับลูกด้วยเพราะเค้ายังสื่อสารกับคนดูแลยังไม่ได้ เวลาเริ่มตั้งแต่เก้าโมงเช้าถ้าฝนไม่ตกครูก็จะปล่อยเด็กๆวิ่งเล่นออกกำลังกายข้างนอกตึก จากนั้นตอนสิบโมงพักทานอาหารว่าง(เด็กๆเตรียมไปเองเช่น แซนด์วิช โยเกิร์ต กล้วยหอม แอปเปิ้ล นม หรือน้ำผลไม้) แล้วเล่นของเล่นหรืออ่านหนังสือในห้อง พอใกล้เที่ยงจะรวมกลุ่มนั่งฟังนิทานและร้องเพลงเพื่อรอพ่อแม่มารับกลับบ้าน ลูกชายยังไม่คุ้นกับภาษาหรือเพื่อนใหม่ก็เลยชอบแยกออกไปเล่นคนเดียว ส่วนเด็กคนอื่นๆก็ยังไม่กล้าเล่นกับเค้า แต่ครั้งต่อๆไปเจอกับบ่อยขึ้นก็อาจคุ้นเคยและเล่นด้วยกันมากขึ้น สองอาทิตย์แรกที่เราไปกับลูกทำให้เค้าอุ่นใจและไม่กลัวเพื่อนใหม่ คุณครูก็ใจดีคอยมาชวนคุยและแปลกิจกรรมให้ฟัง ผ่านมาร่วมสองเดือนแล้วลูกกล้าเล่นกับเพื่อนมากขึ้น รวมทั้งมีเพื่อนซี้คอยจับคู่เป็นบัดดี้กันด้วย ทั้งที่ลูกยังพูดภาษาฟินนิชไม่ได้ ดังนั้นที่ว่ากันว่าเด็กๆนั้นพูดภาษาเดียวกันก็ท่าจะจริง
เราเองก็เรียนภาษาฟินนิชฟรีกับ “ริงกิ” เป็นองค์กรที่เปิดโอกาสให้ชาวต่างชาติที่ย้ายมาอยู่ฟินแลนด์ได้พบเจอ เรียนภาษาและทำกิจกรรมร่วมกัน มีตั้งแต่ทำอาหาร เย็บปัก เล่นเกมส์ เดินเล่นในเมือง ชมพิพิธภัณฑ์ เป็นต้น คลาสเรียนภาษาอาทิตย์ละสองวัน(พุธกับศุกร์ 16:00 – 18:00) แถมได้หนังสือแบบเรียนไปฝึกเองที่บ้าน ทุกอย่างไม่เสียค่าใช้จ่ายเลย เพราะเป็นองค์กรที่รัฐบาลช่วยเหลือเพื่อให้ชาวต่างชาติไม่รู้สึกโดดเดี่ยวและสามารถปรับตัวให้เข้ากับประเทศฟินแลนด์ได้ ผ่านมาร่วมสองเดือนแล้วไม่เคยขาดเรียนเลยครูบอกว่าเราค่อนข้างจะหัวไว เรียนเร็ว อาจเพราะมีพื้นฐานภาษาอังกฤษอยู่แล้วแถมมีเวลาทบทวนที่บ้านมาก สมองเลยรับได้เยอะ แต่ยอมรับเลยว่าภาษาฟินนิชยากมาก เพื่อนใหม่ที่พูดหลายภาษาต่างบอกว่าภาษานี้ยากที่สุด แต่ถึงยากแค่ไหนก็ต้องเรียนเพราะอยากสื่อสารกับคนที่นี่และหางานทำให้ได้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น